Jan 07

บางครั้งบางคนก็ยกเอาความต่างของอายุมาเป็นปัจจัยในตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ บางทีมดก็เห็นด้วย บางทีมดก็เห็นต่าง ถ้าเราได้ยินคนพูดว่า “ห่างกันตั้ง 15 ปีอย่างนี้ มันจะไปรอดเร้อ” ฟังเผิน ๆ ก็อาจจะผงกหัวเห็นด้วย “นั่นสิ มันจะไปรอดเร้อ” ประโยคนี้เหมือนเป็นคำถาม หรือคล้ายสงสัย แต่ความหมายแฝงนัยชัดเจนว่า “ไม่รอดชัวร์!”

วันนี้อ้วนอ่านหนังสือพิมพ์ มดนั่งทำงาน นั่งกันอยู่เงียบ ๆ ต่างคนต่างใช้เวลาส่วนตัวในละแวกใกล้กัน แล้วพลันอ้วนก็ถามว่า “ชายหญิงอายุต่างกัน 15 ปีเนี่ย ถือว่าต่างกันมากมั้ย” อ้วนไม่ได้ระบุประเภทความสัมพันธ์ แต่มดก็เดาเอาว่าน่าจะพูดถึงความสัมพันธ์แบบใช้ชีวิตคู่ มดตอบไปว่า “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าอายุที่ต่างกันด้วยนะ ถ้าอายุ 15 กับ 30 อย่างนี้ก็ต่างกันมาก แต่ถ้า 45 กับ 60 อย่างนี้ไม่ต่างกันเท่าไหร่” อ้วนตอบ “อื้อ” คำเดียวแล้วเงียบไป แต่มดอยากรู้ว่าต้นเหตุที่ทำให้ตั้งคำถามน่ะอายุเท่าไหร่กันล่ะ

“ผู้หญิง 87 ส่วนผู้ชาย 102″ อ้วนตอบมาว่างั้น คำตอบทำเอาขำกิ๊กเลย โธ่เอ้ย ถ้าอย่างนี้ล่ะไม่ต่างกันหรอก ถือว่าคนอายุ 87 มีวุฒิภาวะกว่าด้วยซ้ำ เพราะคนอายุ 102 นี่อาจต้องการความช่วยเหลือแล้วด้วยซ้ำไปนะ  

มดว่าความต่างของอายุ ในแต่ละช่วงมันมีความเกี่ยวเนื่องของการพัฒนาสมองและเก็บเกี่ยวความรู้นะ ตอนเด็กจนถึงวัยรุ่นเนี่ย คนที่อายุแก่กว่าเราปีสองปี เราเรียกเค้าว่าพี่แบบยกย่องเชิดชูอย่างจริงใจ ให้เป็น “พี่” ด้วยความหมายของคำว่า “พี่” จริง ๆ  เพราะเค้ารู้มากกว่า เรียนมากกว่า เห็นอะไรมากกว่าเรา ส่วนคนที่อายุน้อยกว่าเรา เราก็มองเห็นเป็น “น้อง” เป็น “เด็ก” ไม่ประสา ไม่รู้อะไรดี ๆ เหมือนเรา – เราเรียกวัยนั้นว่าวัยเด็ก

แต่พอเราโตถึงวัยนึงข้ามผ่านวัยเด็ก มาสู่วัย “ผู้ใหญ่” ถึงตอนนี้ข้อจำกัดในการเรียนรู้ก็หมดไป ใครใคร่เรียน ๆ ใครใคร่รู้ ๆ หาประสบการณ์การใช้ชีวิตกันเอาเอง การมองโลกก็เปลี่ยนไป วัยผู้ใหญ่แบบนี้ เราวัดการโตไม่โต ด้วยระบบความคิดและการมองโลก ไม่ใช่ด้วยอายุ  ซึ่งระบบความคิดและการมองโลกเนี่ยมันคนล่ะเรื่องกับการรู้มากรู้น้อย ฉลาดอัจฉริยะ หรือโง่เง่าเต่าตุ่นนะ มันเป็นเรื่องของวิสัยทัศน์และวุฒิภาวะต่างหาก

มดว่าความต่างเรื่องอายุในวัยผู้ใหญ่ จริง ๆ แล้วก็ไม่น่าจะมีผลมากนักต่อความสัมพันธ์ แต่ถ้าต่างกันด้วยวิธีคิดอันนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่กว่า แต่ว่าก็ว่าเถอะ เรื่องความสัมพันธ์เนี่ย มันเรื่องของคนสองคน พยายามอย่าเอาปัจจัยภายนอกทั้งหลายแหล่เข้ามาเป็นตัวช่วยนัก คนสองคนถ้ารักกันมากพอ ต่างกันขนาดไหนก็มันก็ปรับตัวอยู่ด้วยกันได้เอง อันนี้มั่นใจมากเพราะเอามาจากประสบการณ์ของตัวเอง เพราะถ้าไม่นับว่ามดและอ้วนต่างกันมากในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม เราก็ต่างกันในเรื่องความสนใจ และวิธีการมองโลก

เพราะมดเคยได้ยินว่า “คู่แท้” นั้นต้องเสมอกันอยู่ 4 ข้อ มดก็จำไม่ได้แน่ชัดว่าอะไรบ้าง แต่มีอยู่ข้อนึ่งเกี่ยวกับความสนใจร่วมกัน เขายกตัวอย่างว่า ถ้าคนหนึ่งสนใจวิทยาศาสตร์ความเป็นเหตุเป็นผล แต่อีกคนหลงใหลแต่การดูดวงและเรื่องของการจับต้องไม่ได้ หรืออีกคนสนใจเรื่องวิทยาการความรู้ แต่อีกคนสนใจแต่เรื่องข่าวซุบซิบดารา อย่างนี้เรียกว่าไม่เสมอกัน อยู่ด้วยกันลำบาก ประมาณนี้ ซึ่งมันช่างตรงเป๊ะ ๆ กับมดและอ้วน (คงไม่ต้องบอกว่าใครสนใจเรื่องข่าวซุบซิบดารา)

มันอาจแสดงว่า เราสองคนไม่เสมอกัน ต่างกัน ชอบไม่เหมือนกัน และคิดเห็นไปคนละแนว มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เราสองคนไม่ใช่ “คู่แท้” ของกันและกัน ซึ่งมดไม่สนใจเรื่อง “คู่แท้” เท่าไหร่ มดสนใจ “รักแท้” มากกว่า ทุกวันนี้มดและอ้วนต่างก็ปรับตัวเองอย่างมากเพื่อที่จะอยู่ด้วยกันอย่างปรองดอง และสันติสุข มีบ้างที่ทะเลาะ ตบตีกันด้วยพูดคำเชือดเฉือน ต้องขอบคุณความต่างที่ทำให้เราได้แลกเปลี่ยนและเรียนรู้กัน ทำให้เราเติบโตไปพร้อมกันและถ่วงดุลกันอยู่ในที ชีวิตคงราบเรียบพิลึกถ้ามดและอ้วนคิดอะไรเหมือนกัน ๆ กัน

Mod-x

5 Responses to “ความต่างของอายุ และคู่แท้”

  1. เจ๊กอ Says:

    เพิ่งดูหนังเรื่อง Prime นางเอก (อูม่า เธอร์แมน) อายุ 37
    ตกอยู่ในช่วง Midlife Crisis เพิ่งหย่า
    กำลังเป๋ๆ เลยไปปรึกษาจิตแพทย์อาทิตย์ละครั้ง
    ไม่นานนักดันไปหลงรักเด็กหนุ่มอายุ 23 (ชื่อไรจำไม่ได้)เป็นอาร์ตีสท์
    ตามประสาหนังหวูดเลยเขียนพล็อตให้หนุ่มอ่อนคนนั้นเป็นลูกของจิตแพทย์ (เมอรีล สตีป)
    ถามว่า “แล้วจะรอดไหม?” ต้องไปดูเอาเองตอนจบ 555
    เกี่ยวกับประเด็นบล็อกวันนี้ไหมนี่ เห็นว่าเกี่ยวเนื่องกับดารา เลยมาแซมๆ : P

  2. กะ-หนก Says:

    ถ้าเหมือนกัน แล้วจะมีอีกคนไปทำไมล่ะ อยู่คนเดียวก็คงไม่ต่างกัน
    เรามองว่าชีวิตคู่ คือการมีคนคนนึงมาเติมให้อีกคนนึงเต็มต่างหาก

  3. Mod-x Says:

    กะ-หนก โลกนี้มันก็มีคู่ที่เห็นดีเห็นงามพ้องตามกันทุกอย่างนะ
    อย่างคู่ที่มีศีลมีบารีมีเท่ากัน ก็ชวนกันทำบุญทำทาน ชวนกันค้นหาทางสว่างของชีวิตไง
    หรือมันก็มีคู่ที่เห็นอะไรชั่ว ๆ เหมือนกัน อย่างคู่โจ๋เรื่อง Natural born killer ไง

  4. กะ-หนก Says:

    …เหรอ

  5. แม่พลอย Says:

    สำหรับเราเราเห็นว่า ชีวิตคู่มีทั้งสองแบบน่ะแหละ มีแบบที่เติมเต็มและแบบที่เท่า ๆ กัน…แต่แบบเติมเต็มนี่เราว่าจะเหนื่อยหน่อยนะ…เราว่ากะหนกอ่ะมะได้มีคู่แท้หรือรักแท้แบบที่เป็นอยู่แบบเติมเต็มหรอก …ลองคิดดูดี ๆ นะ แต่คำพูดมันสวยนะ

    แต่สำหรับเราเราเชื่อทฤษฎี Good man think alike(GMTA) ไม่ว่าจะความสัมพันธ์แบบคู่รักหรือแบบเพื่อน …เหมือนเพื่อน 11 Adventure ที่คบกันได้เรื่อย ๆ นาน…ก็ไม่เห็นใครในกลุ่มเรากินเราหัวราน้ำกับบ้าพนันเลย

    เรื่องวัยกับความรักอันนี้เห็นด้วยกับมดอย่างมาก…ขอเพิ่มเติมด้วยเหตุผลที่ว่ามันมีเงื่อนไข “บทบาทหน้าที่ในความสัมพันธ์” เรามีคู่ ที่อายุต่างมาก 24 ปีเท่ากับพ่อแม่เรา เราได้เรียนรู้ว่า เค้ามีบทบาทหน้าที่ในความสัมพันธ์ ระหว่างเราฉันท์คู่รัก และระหว่างเค้ากับลูกเค้าฉันท์พ่อลูก ในเหตุการณ์บางเหตุการณ์อาจจะงอนเรา เหมือนคู่รักทั่วไป (แก่คราวพ่อเราแล้วนะ) แต่เหตุการณ์เดียวกัน ถ้าเป็นกับลูกเค้า เค้าจะมีวุฒิภาวะของพ่อขึ้นมาเชียว ซึ่งเราก็เป็นเหมือนกัน ไม่ได้ลูกสึกว่าเหมือนพ่ออย่างใด ก็มีปกติทะเลาะง่องแง่ง เหมือนคู่รักที่มีวัยเท่ากันทั่วไป

Leave a Reply