Dec 26

วันนี้เป็นวันครบรอบ 5 ปีของการแต่งงาน ตอนที่นึกขึ้นได้ว่า 5 ปีแล้วเหรอเนี่ย ทำไมเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วแบบนี้ นั่นหมายถึงว่า วันเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปเร็วเสมอรึเปล่านะ นั่นแสดงว่า ชีวิตการแต่งงาน 5 ปีของเรามีแต่เรื่องสุข สนุกสนานรึเปล่านะ หรือว่า ชีวิตมันมีแต่การก้มหน้าก้มตาทำงานจนลืมสนใจวันเวลากันแน่ ?
ขึ้นต้นเป็นคำถามชวนสงสัยไปอย่างนั้นเอง อันที่จริงชีวิตของมดก็มีความสุขดีตามอัตภาพ คุณอ้วนถือเป็นคนที่เรียนรู้ที่จะอยู่กับมดได้อย่างดีไม่มีที่ติ เพราะมดไม่ใช่เป็นคนที่จะอยู่ด้วยได้ง่าย ๆ ขี้หงุดหงิด อีโก้เยอะ อารมณ์ศิลปิน ซึ่งเป็นนิสัยส่วนเสีย ๆ ที่บั่นทอนชีวิตคู่มากพอควร แต่มดก็คงมีด้านดี ๆ อื่น ๆบ้างเหมือนกันที่ทำให้คุณอ้วนอดทน และรอคอยให้มดค่อย ๆ ปรับตัวจนเป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ๆ บนโลก ส่วนมดน่ะเหรอ ไม่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับอ้วนมากมายอะไร เพราะอ้วนเป็นมนุษย์ที่แสนดี อยู่ด้วยง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่แปรปรวน

เวลามีคนมาปรึกษาเรื่องความรักหรือความสัมพันธ์ สิ่งที่มดพูดประจำเลยก็คือ อย่าไปสนใจเรื่องดี ๆ ที่เค้าทำให้มากนัก คนรักกันก็ต้องทำเรื่องดี ๆ ให้กันเป็นธรรมดา คอยดูเรื่องไม่ดีที่เข้ากันไม่ได้ หรือรับไม่ไหวให้มากหน่อย ดูว่าเรื่องพวกนี้มันมีน้ำหนักมากกว่าเรื่องดีรึเปล่า อย่าอยู่อย่างอดทน หรือ เก็บกดมากไปนัก เราไม่ได้เกิดมาให้ระทมทุกข์ขนาดนั้น การมีคนมาอยู่ข้าง ๆ เรา มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันน่าจะเป็นสิ่งที่พาชีวิตให้สุขขึ้น ดีขึ้น มากกว่าตรงกันข้าม ถ้าไม่อย่างนั้นก็อยู่คนเดียวดีกว่า มนุษย์เกิดมาคนเดียว ทนทุกข์คนเดียวทั้งนั้นแหละ ต่อให้ชีวิตเรามีใครซักคนใกล้ ๆ ก็ไม่ได้หมายถึงมาเอาความทุกข์ของเราไป แต่น่าจะหมายถึงคน ๆ นั้นมีบ่าให้ซบ มีอ้อมกอดอันอบอุ่น สายตาที่พร้อมจะเข้าอกเข้าใจ – ชีวิตคู่ในความหมายของมด ไม่ได้หมายถึงต่างฝ่ายต่างเติมเต็มให้กันหรอก มันน่าจะหมายถึงคนที่เต็ม ๆ แล้วสองคนมาเจอกันมากกว่า

ตอนที่ได้ยินได้ฟังหรือได้อ่านประโยคที่ว่า “อยู่ไม่ได้ถ้าขาดเธอ” มดมักจะสงสัยเสมอว่า มดจะอยู่ได้รึเปล่าถ้าไม่มีอ้วน แค่คิดก็ใจหายซะแล้ว คงทรมานมากเหมือนกัน แต่ไม่น่าจะมากขนาดอยู่ไม่ได้ หรือจิตวิญญาณตายลงไป มดเลยเดินไปถามอ้วนว่า จะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีมด อ้วนยิ้ม ๆ ตอบแบบกวนประสาทตามประสาว่า โอ๊ยอยู่ไม่ได้หรอก แต่พอมดคาดคั้นเอาจริง ๆ ก็บอกว่า ต้องอยู่ได้สิ แต่คงชีวิตคงไม่สนุกแน่นอน – นั่นล่ะ เป็นคำประเภทหวาน ๆ ของอ้วนแล้ว

แต่มดนึกถึงคู่ของคุณตาคุณยายที่อยู่ร่วมกันมามากกว่า สามสิบ สี่สิบปี พออีกฝ่ายตายจากไป อีกฝ่ายก็อยู่ได้ไม่นานแล้วก็ตายตามกัน อย่างนั้นมากกว่าที่จะเรียกว่า “อยู่ไม่ได้ถ้าขาดเธอ” มันเหมือนทั้งคู่ได้หลอมรวมจิตใจและร่างกายเข้าด้วยกัน เหมือนคู่ชีวิตที่ใช้ลมหายใจร่วมกัน เหมือนต้นไม้ที่ใช้รากเดียวกันในการดูดซึมธาตุอาหาร

มดรอคอยที่จะรู้สึกแบบนั้นกับอ้วนนะ นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเอง 5 ปีผ่านไป ยังไม่นานซักหน่อย มดเคยบอกใครต่อใครตอนที่ยังไม่แต่งงานและหาคนมาแต่งงานไม่ได้ว่า ชาตินี้มดคงไม่แต่งงานหรอก เพราะมดนึกภาพที่จะอยู่ร่วมกับผู้ชายซักคนไม่ออก แต่ตอนนี้มดกลับนึกภาพของมดและอ้วนที่จะแก่ไปด้วยกัน ผมขาวไปด้วยกัน เดินกระย่องกระแย่ง หูตาฝ้าฟาง แต่ยังจูงมือไปไหนต่อไหนได้นะ อย่างนี้เราเรียกว่า “ความรัก” รึเปล่า? ไม่รู้เหมือนกัน มดไม่เคยแน่ใจซักทีว่า “ความรัก” แปลว่าอะไร

Mod-x

5 Responses to “ห้าปีที่ผ่านไป”

  1. กะ-หนก Says:

    happy aniversary ! ^_^

  2. แม่พลอย Says:

    ยินดีด้วยนะจ๊ะ… เราอ่ะไม่เชื่อหรอกว่าใครจะอยู่โดยขาดใครไมได้… มันอาจจะลำบากช่วงแรก หรือไม่สนุกสนานอย่างที่อีอ้วนบอก

    อยากมีวันนี้บ้างจัง…ห้าปีของความรักมดมีข้อคิดให้เราและช่วยเรามาเยอะนะ ถ้าทำได้จะไปร่วมฉลองปีที่สิบกะมดนะ

    เออ วันนี้คือวันจดทะเบียนใช่ป่ะมะใช่วันงานแต่งงาน

  3. hippo Says:

    โป้ว่า..ความรักมันเป็นของหวาน ตัวเราคือจานหลัก แต่ถ้ามีของหวานทานทุกมื้อก็คงชื่นใจดีเน๊อะ บางทีคงสดชื่นเหมือนน้ำแข็งใสในหน้าร้อน บางทีก็อบอุ่นเหมือนเต้าทึงร้อนตอนหน้าหนาว บางทีก็หอมหวานเหมือนเค้กตอนบ่ายแก่ๆไง

  4. Mod-x Says:

    กินของหวานมาก ๆ มันจะอ้วนมั้ย ?? : )

  5. dear Says:

    ตกลงใช่ความรักหรือเปล่าอ่ะเนี่ย

Leave a Reply