เป็นความเข้าใจผิดอีกครั้ง หลังจากที่มดจบหนังสือรางวัลซีไรส์เรื่อง “ช่างสำราญ” ก็หยิบอีกเล่มที่วางอยู่ข้างกันมาวางไว้หัวเตียงสำหรับอ่านก่อนนอน เพราะคิดไปเอง(อีกแล้ว) ว่าหนังสือเล่มนี้ น่าจะอ่านยาก ๆ อยู่นะ นั่นไม่ใช่เพราะชื่อ “เจ้าการะเกด” ที่อยู่บนหน้าปก หรือชื่อ “แดนอรัญ แสงทอง” ที่เป็นผู้เขียน แต่เป็นเพราะตอนที่กรีดหนังสือแบบเร็ว ๆ มดไม่เห็นย่อหน้าซักย่อเดียว ตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด ดูแล้วน่าเวียนหัวจับใจ ซึ่งเหมาะจะเป็นวรรณกรรมหัวเตียงยิ่งนัก ด้วยความคาดหวังอย่างใหญ่หลวงที่จะหลับไปอย่างรวดเร็วหลังจากอ่านไปไม่กี่บรรทัด – ก็อย่างที่บอกไว้ มดเข้าใจผิดไปถนัด
อารมณ์หลากหลายปะทะเข้ามามากมายระหว่างที่อ่านหนังสือ แรกเริ่ม มดไม่สามารถเดาได้ถูกว่าหนังสือเล่มนี้มันจะเกี่ยวกับอะไร ในคำนิยมก่อนเริ่มเรื่องเขียนไว้คร่าว ๆ ว่า เป็น “เรื่องรักแต่เมื่อครั้งบรมสมกัปป์” แต่อ่านไปจะครึ่งเล่มก็ยังไม่เห็นมีใครรักกับใคร มีแต่เนื้อเรื่องที่ไหลเรื่อยเหมือนกระแสน้ำในป่าใหญ่ ซึ่งดูท่าว่าจะไม่จุดสิ้นสุด การไม่มีย่อหน้าทำความรำคาญให้เพียงแต่ช่วงสิบยี่สิบหน้าแรกเท่านั้น หลังจากนั้นไอ้การไม่มีย่อหน้านี่แหละกับเข้ากันได้ดีกับเนื้อเรื่องที่ไหลต่อเนื่องกันอย่างแทบไม่ให้คนอ่านพักหายใจ
หลังจากผ่านพ้นครึ่งแรกของหนังสือ มดกลับนึกถึงหนังสือชื่อ “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว“โดย กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกวซ (ชายจากประเทศโคลัมเบีย ผู้ได้รับรางวัลโนเบลไพรส์ และสร้างชื่อเสียงจากหนังสือเล่มนี้) มดจำไม่ได้แน่ชัดว่าใน หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว มีรายละเอียดอะไรบ้าง แต่จำได้ว่าตอนอ่านนั้นเหมือน อ่านด้วยความกระหายใคร่รู้ ตื่นเต้น ตื่นตะลึง ไม่ว่าคนเขียนจะเขียนถึงอะไร ก็เหมือนได้เห็นมันชัดเจนอยู่ในมโนจิต เรื่องเหนือจริงมากมายที่ผู้เขียนสร้างขึ้นในหนังสือ กลับดูเหมือนจริงอย่างไม่มีข้อสงสัย ในตอนนั้นมดรู้สึกทึ่งและสิโรราบอย่างไม่มีคำถามใด ๆ ให้กับหนังสือเล่มหนาเล่มนั้น และก็ไม่คิดว่าจะมีใครทำให้รู้สึกแบบนั้นอีก จนมาได้อ่าน เจ้าการะเกด ซึ่งให้ความรู้สึกเดียวกัน แม้จะไม่ลึกซึ้งเท่า แต่ก็มากพอที่จะตะลึงในใจ
เรื่องราวในหนังสือเป็นเรื่องเล่าของชายคนหนึ่ง ในหมู่บ้านห่างไกล ในช่วงเวลาในอดีต มดได้พบกับคำฟุ่มเฟือยมากมาย อย่างจงใจของผู้เขียน ประโยคซ้ำที่เพิ่งใช้ไปเมื่อสองบรรทัดที่แล้ว ก็เอามาใช้อีกในบรรทัดนี้และอีกสองบรรทัดถัดไป เป็นคำซ้ำที่มดยอมรับอย่างสดุดีและก้มหน้าก้มตาอ่านไปอย่างไม่ย่อท้อ คำหลายคำที่ไม่เคยเห็นใครใช้มาก่อน (อาจจะเพราะอ่านหนังสือน้อยเกินไป) คำเหล่านั้นจับใจ ให้อารมณ์และความรู้สึก จนอยากจะกอดคนเขียนไว้ในอ้อมใจและขอบคุณที่เขียนให้เห็นภาพอย่างกระจ่าง ขอบคุณที่ใช้คำเรียบง่ายแต่ให้ความหมายลึกซึ้งประทับจับจิต
มดอ่านจบแล้วมดก็ร้องไห้ ดีใจที่ได้อ่านหนังสือดี อารมณ์แบบนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้งนัก ขอบคุณแดนอรัญ แสงทอง มา ณ ที่นี้
Mod-x
November 24th, 2007 at 6:27 pm
แดนอรัญ แสงทองเป็นนักเขียนที่เก่ง
มีฝีมือระดับต้นๆ ของวรรณกรรมไทยยุคนี้นะ พี่ว่า
งานวรรณกรรมแบบนี้อ่านแล้วอิ่ม
พี่อยากอ่าน “เงาสีขาว” ของเขามาก
แต่หาซื้อไม่ได้อะ
เห็นด้วยว่า หนังสือแนวนี้ ดูเหมือนอ่านไม่ง่าย
แต่อ่านจบแล้วอิ่มมากๆ อยากกราบคนเขียนงานดีๆ ให้เราได้ดื่มด่ำ
มห. ร้องไห้จริงอะๆ
November 24th, 2007 at 7:48 pm
ร้องจริง ๆ – เป็นคนอ่อนไหวน่ะ : )
November 20th, 2008 at 5:00 am
เรียนทุกท่าน
ดิฉันอยากหาอ่านหนังสือของแดนอรัญ ได้ เงาสีขาวมา ซื้อจากของ ติณ แต่หา เจ้าการะเกด กับ อสรพิษไม่ได้ ใครข่วยแนะนำทีค่ะว่าซื้อได้ที่ไหน หามาแล้ว ทั้ง แพร่พิทยา บีทเอส ศูนย์หนังสือราม ไม่มีเลย รบกวนบอกหน่อย email porntipwalee@yahoo.com
January 17th, 2009 at 12:48 pm
So Lucky That I found your blog and great articles. I will come to your blog often for finding new great article from your blog. Thank you