Nov 18

ตั้งใจว่าจะเขียนอะไรที่เป็นเรื่องเป็นราวในบล็อกนี้ แต่อดไม่ได้ว่าอยากเขียนถึงหนังสือที่อ่าน หนังที่ดู เพลงที่ฟัง เพื่อบันทึกไว้ว่าในช่วงเวลาหนึ่งนี้ เราได้อ่านได้เสพอะไร และมีความรู้สึกอย่างไรกับมันในช่วงนี้ เผื่อกาลเวลาผ่านไปหากหยิบจับหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่านอีกครั้งในช่วงที่วัยกับประสบการณ์ต่างออกไป เราจะยังรู้สึกเช่นเดิมหรือไม่ เอาล่ะ จะขอบันทึกไว้ในทุกวันอาทิตย์ก็แล้วกัน

หนัง
ปกติช่วงที่ไม่มีหนังใหม่ ๆ ให้ดู หรือไม่เจอหนังลดราคาแผ่นละ 7.90 ฟรังซ์ เราก็จะหยิบซีรีย์ที่มดซื้อจากเมืองไทยมาดูกันวันละตอนสองตอนแล้วแต่เวลาที่มี ตอนนี้ซีรี่ย์ที่เราติดอยู่คือ Six feet under เป็นเรื่องของครอบครัวที่มีกิจการเกี่ยวกับการจัดงานศพ แต่ละตอนที่เริ่มเรื่องจะต้องมีคนตายอย่างน้อย 1 คน ซึ่งโดยปกติชีวิต หรือ สาเหตุการตาย ของผู้ตาย ก็มักจะเป็นเรื่องธีมหลักที่จะพูดถึงในตอนนั้น ๆ – เนื้อหาโดยรวม Drama + Comedy -  พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเอาไว้เขียนถึงตอนไม่มีอะไรจะเขียนก็แล้วกัน

หนังเรื่องที่เราไปยืมมาเมื่อวันเสาร์คือเรื่อง The lady killers แสดงนำโดยทอม แฮงค์ หนังเก่ามากแล้ว เรื่องย่อคร่าว ๆ ก็คือตาทอม แฮงค์มีแผนพร้อมกับพรรคพวกจะขุดห้องใต้ดินของบ้านหลังหนึ่งเพื่อทำอุโมงค์ไปยังห้องเก็บเงินของบ่อนคาสิโน ก็เลยแฝงตัวเข้ามาขอเช่าบ้านนั้นซึ่งเจ้าของคือคุณยายผู้ซึ่งเคร่งครัดในศาสนาที่เป็นม่ายเพราะสามีเพิ่งตายไป หนังตลกดี คนขำยากอย่างคุณอ้วนก็นั่งหัวเราะมากกว่า หึ หึ เขียนถึงแค่นี้ก็แล้วกัน เพราะไม่ได้มีอาชีพวิจารณ์หนัง สิ่งที่ชอบที่สุดก็คือเพลงที่นักร้อง ๆ ประสานเสียงกันในโบสถ์ ซึ่งเป็นโบสถ์ของชาวแอฟริกันอเมริกัน เพลงที่ร้องกันในโบสถ์สนุก ๆ แบบนั้นล่ะ เลยทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Ray Charles เข้าใจแล้วว่าทำไมในตอนแรก Ray Charles ถึงถูกต่อต้านอย่างมาก

เพลง
ที่ห้องสมุดประชาชนมีเพลงให้เลือกยืมเยอะ แต่ตอนนี้มดยังอยู่ในหมวด Jazz/Blue มดเลือกหยิบ “He sings the blues” เป็นรวมเพลงของนักร้องหลาย ๆ คนที่ร้องเพลงบลูตามชื่อปก อัลบั้มรวมฮิตอย่างนี้โอกาสที่จะผิดหวังมีน้อยมาก และ “Miles Davis – kind of blue” ซึ่งเป็นอัลบั้มเพลงบรรเลงเสียงทรัมเป็ตของ Miles Davis ทั้งสองอัลบั้มเหมาะกับอากาศหนาว ๆ เหงา ๆ ในตอนนี้มาก

หนังสือ
นอกจากหนังสือภาษาเยอรมันแบบ easy reading แล้ว มดก็ยังแอบแบ่งเวลาก่อนนอนเลือกหนังสือวรรณกรรมดี ๆ มาอ่าน อาทิตย์ที่แล้วเป็นคราวของ เดือนวาด พิมวนา ซึ่งเล่มนี้มดไม่แน่ใจว่าซื้อมาเก็บไว้นานแค่ไหน แล้วทำไมถึงไม่เคยคิดอยากจะหยิบขึ้นมาอ่าน อาจจะเป็นเพราะชื่อหนังสือ “ช่างสำราญ” มันไม่แรงกระแทกใจ หรือเป็นเพราะ เดือนวาด คนนี้เป็นใครก็ไม่รู้? อะไรเป็นสาเหตุก็ช่างมัน แต่ในที่สุด “ช่างสำราญ” ก็ถูกเปิดอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย และยังอยากจะให้มีต่อไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ

ปกติหนังสือก่อนนอนสำหรับมด มักจะเป็นวรรณกรรมแปลที่อ่านยาก ๆ อ่านได้ซัก 3-4 หน้าก็อยากจะปาทิ้ง เอ๊ยไม่ใช่ ก็รู้สึกเคลิ้มง่วงหาวนอนขึ้นมาทันที มดเลือกหยิบ “ช่างสำราญ” เพราะเห็นว่าเป็นหนังสือรางวัลซีไรท์ในปี 2546 และหน้าปกที่เป็นหน้าของคุณเดือนวาดที่ดูเคร่งขรึม เอาจริงเอาจัง ทั้งสองอย่างรวมกัน มดจึงหยิบมาไว้ข้างเตียงอย่าไม่ลังเล

เรื่องกลับไม่เป็นเช่นที่วางแผนไว้เพราะ “ช่างสำราญ” ทำให้ตาที่ควรจะปิดแหล่มิปิดแหล่กลับกระตือรือร้นไม่อยากจะนอนซะนี่ หมดไปบทหนึ่งก็แล้ว บทที่สองก็แล้ว แถมยังแอบต่อรองกับตัวเองขออ่านบทที่สามก่อนนะแล้วจะนอน

เรื่องธรรมดา เรื่องง่ายสามัญ ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาธรรมดา ไม่มีอะไรหักมุมมากมาย ตัวหนังสือร้อยเรียงกันต่อเนื่องลื่นไหล ไม่มีภาษาที่สละสลวยเกินความจำเป็น ไม่มีข้อคิดหลักแหลมแยบคายที่ต้องปีนกะไดอ่าน เดือนวาดเขียนบอกในคำนำหนังสือไว้ว่า เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้เรื่องง่าย ๆ รอบตัว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นเจนตา แต่หากนักเขียนผู้มองผ่านสายตาแห่งการค้นหาและตั้งคำถาม ก็จะมีวัตถุดิบเหลือเฟือเหลือใช้อยู่ในมือ

ขอยก เดือนวาด พิมวนา ขึ้นเป็นนักเขียนในดวงใจอีกคนหนึ่ง – ช่างสำราญ ทำให้มดเบิกบานสำราญใจจริง ๆ

Mod-x

2 Responses to “เรื่องรวม ๆ ในอาทิตย์ที่ผ่านมา”

  1. เจ๊กอ Says:

    ชอบ เดือนวาด เหมือนกัน
    ตามอ่านงานเขามาตั้งแต่เขียนใหม่ๆ ตอนได้รางวัลช่อการะเกดน่ะ
    นักเขียนหญิงแนวใกล้เคียง เดือนวาด รุ่นแก่กว่าหน่อยที่พี่ชอบ
    ไม่รู้มดเคยอ่านไหม? ชื่อ ปางบุญ
    แล้วก็ ชัญวลี ศรีสุโข คนนี้เป็นหมอ เขียนหนังสือภาษาดีเชียว
    สร้อยแก้ว คำมาลาก็ดี เขียนแบบแนวไม่เพ้อๆมากน่ะ
    ภาษาเรียบๆ แต่ละเมียดนะ

    โหมดหนัง ตอนนี้รอดู becoming Jane(Austen) มาก
    มันเข้าโรงจนออกไปละ ตามดูไม่ทัน
    รอหนังแผ่นเมื่อไหร่มันจะร่อนออกมาสักที

  2. Mod-x Says:

    บอกตรง ๆ นะเจ๊ คุณเดือนวาดนี่เป็นผู้หญิงคนแรกที่มดหยิบหนังสือแนวนี้มาอ่าน
    ส่วนใหญ่นักเขียนหญิง ๆ มดก็จะอ่านพวกนิยายประโลมโลกอ่ะ

    แต่งานวรรณกรรมดี ๆ อ่านแต่ของผู้ชาย กลับไปเมืองไทยคราวหน้าจะไปหางานของนักเขียนที่พี่บอกนะ

Leave a Reply