Nov 17

วันเสาร์เป็นวันที่มดและคุณอ้วนยกให้เป็นวันสบาย หรือจะเป็นวันขี้เกียจก็ได้ เราจะนอนตื่นสายเหมือนกับมีกฎเขียนไว้ที่ผนังห้องนอนว่า “ห้ามตื่นเช้าในวันเสาร์” กินข้าวเช้าง่าย ๆ ตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง หรือเที่ยง เก็บกวาดบ้านนิด ๆ หน่อย ๆ เราก็จับรถไฟใช้เวลา 12 นาทีก็ถึงเมืองที่เจริญกว่าหมู่บ้านที่เราอยู่ หลังจากนั้นก็เดินอีกประมาณ 10 กว่านาทีมุ่งหน้าไปยัง “ห้องสมุดประชาชน”

เรานึกถึงห้องสมุดประชาชนก็ตอนที่เริ่มรู้สึกว่า การต้องเสียเงินไปดูหนังทีละ 32 ฟรังซ์ต่อหนัง 1 เรื่องนี่มันชักจะมากไปแล้วนะ ก็เลยหันไปใช้บริการเช่าหนังจากร้านซึ่งลดลงมาเหลือเรื่องละ 10 ฟรังซ์ต่อ 24 ชั่วโมงแทน บ้านเราไม่มีทีวี เราดูหนัง DVD จากเครื่องโน้ทบุ๊ค แต่ตอนนี้เราเริ่มพัฒนาขึ้นอีกนิดด้วยการซื้อโปรเจ็คเตอร์มาฉายหนังที่บ้านแทน ในตอนนั้นแหละที่เรานึกถึงห้องสมุดประชาชนขึ้นมาได้ ก็ที่นั่นน่ะเค้ามีหนังให้ยืมฟรีด้วยนะ

ค่าสมาชิก 30 ฟรังซ์ต่อปี เราสามารถยืมหนัง DVD ได้วันละ 1 เรื่องนานสุด 1 อาทิตย์ / CD เพลงได้ 2 แผ่น / หนังสือได้ 5 เล่ม นานถึง 1 เดือน ตั้งแต่เดือนที่แล้ว หนัง DVD จะมีทั้งใหม่ไปจนถึงคลาสิคแบบที่ถ้าจะไปหาซื้อตามท้องตลาดไม่ได้แล้ว แถมยังมีหนัง International หรือหนังอินดี้จากหลาย ๆ ประเทศด้วย นอกจากนี้ยังมีแผ่น CD เกมส์สำหรับพวกเครื่องเล่น Play Station เป็นร้อยแผ่นให้เลือกยืมอีกด้วย

มดจำได้ว่าตอนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เคยเป็นแฟนพันธุ์แท้ห้องสมุดของโรงเรียนเหมือนกัน ไปทุกพักกลางวัน และหลังเลิกเรียน ไม่ได้ไปค้นคว้าหาความรู้อะไร แต่ติดหนึบกับนิยายเก่า ๆ จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไรบ้าง แล้วก็ออกจะเลือน ๆ ไปแล้วเหมือนกันว่า ในตอนนั้นเพื่อนจะเห็นว่าเราแปลกแยกรึเปล่านะ เพราะมักจะไปห้องสมุดคนเดียว โดยไม่ได้รู้สึกอยากชวนใครไปด้วย ดุ่ม ๆ ไปที่ชั้นหนังสือประเภทนิยายประโลมโลก แล้วก็หยิบมาอ่าน อ่าน อ่าน เอาเป็นเอาตาย ถ้ากลางวันนั้นอ่านไม่จบ ตกเย็นก็จะยืมกลับไปอ่านที่บ้าน

แล้วก็จำไม่ได้อีกเหมือนกันว่า ตอนไหนกันแน่ที่เราเริ่มห่างเหินจากห้องสมุดทุกที ไปให้ความสนใจกับอย่างอื่นมากกว่า แต่ก็กลับมาอ่านหนังสืออีกครั้งตอนเวลาผ่านไปเกือบ 10 ปี คราวนี้ไม่ได้ไปห้องสมุดเพราะย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพ ห้องสมุดที่ใกล้ที่สุดต้องนั่งรถไปเทเวศน์ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ก็เลยต้องซื้อหาหนังสือมาอ่านเอง งานสัปดาห์หนังสือแต่ละทีหมดเงินไปหลายพัน โชคดีว่ามดสามารถอ่านหนังสือที่ชอบซ้ำกันได้หลาย ๆ ครั้ง

ลองนึกเล่น ๆ  ถ้าสมมติว่าทางการของบ้านเรามีห้องสมุดประชาชนให้บริการอยู่ประจำโลตัสทุกสาขา เหมือนร้านซึทาย่ากับร้านซีเอ็ดรวมกับร้านอิเมจิน เปิดให้ยืมหนังสือ / หนัง / เพลง / เกมส์ ฯ กับประชาชนทั่วไปโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าสมาชิกรายปีถูก ๆ เท่านั้น จะตั้งชือว่า “ห้องสมุดเอื้ออาทร” ก็ได้ไม่ว่ากัน แล้วเรามาลองดูกันซิว่าที่เค้าว่าเด็กสมัยนี้อ่านหนังสือปีละ 4 บรรทัดน่ะจะเป็นจริงรึเปล่า

 Mod-x

2 Responses to “ห้องสมุดประชาชน”

  1. เจ๊กอ Says:

    สมมุติว่าเมืองไทยมีโครงการดีๆ แบบ “Books for Brains”
    เด็กนักเรียนได้อ่านหนังสือดีๆ จากห้องสมุดโรงเรียนมาตั้งแต่เยาว์วัย
    โอ้…สวรรค์วัยเด็กเลยนะ ตอนเด็กๆ ฝันไม่เคยเป็นจริงเลย
    ฝันค้างมาจนแก่ … ฮึๆ แอบมาบำบัดความฝันตัวเอง

    ห้องสมุดประชาชนบ้านเรา บางแห่งเข้าไปแล้วผีหลอกมากๆ
    หนำซ้ำบางแห่ง บรรณารักษ์ดุชิบ
    กลัวๆ กล้าๆ กว่าจะหยิบหนังสือมาอ่านได้สักเล่ม : )

    คุยเรื่องห้องสมุดเมืองไทยทีไร รู้สึกมีแผลทางใจว่ะ

  2. Color Says:

    ห้องสมุดประชาชนแถวบ้านเรา อยู่ตรงข้ามซีคอนเองแหละ ใกล้มาก ๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้เหยียบย่างเข้าไป

Leave a Reply