May 14

หลายคนที่รู้จักกัน มักจะไม่แปลกใจที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน เรื่องที่มดอ้างถึงเกียวกับธรรมะอยู่บ่อย ๆ นั่นเพราะมดสนใจใคร่รู้ในเรื่องนี้มาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น สมัยเรียนหนังสือที่หาซื้อมากที่สุดก็คือหนังสือธรรมะของหลวงพ่อ พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ทั้งของไทย เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน — ชอบอ่าน แต่ยังไม่ชอบปฎิบัติ ด้วยเหตุผลเดียวกับคนทั่วไปนั่นแหละ -ขี้เกียจ-

ธรรมะมักจะมาแสดงอิทธิฤทธิ์ตอนอกหักเสียมาก มดพึ่งพา ไขว่คว้า ธรรมะก็ในห้วงเวลาเหล่านั้นมากที่สุด แต่ก็มีอยู่บ้างบางครั้งที่ไปฝึกวิปัสสนา เข้าฝึกอบรมธรรมะในช่วงชีวิตปกติบ้างอยู่เหมือนกัน ทั้งยังเคยถือศีลแปดเป็นเวลา 1 เดือนตอนอยู่กรุงเทพอีกด้วย เป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ยังภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะทำโดยที่ไม่ได้มีภาวะเศร้าซึมห่อเหี่ยวท้อแท้ของจิตใจ ทำด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นจะเอาชนะกิเลสของตัวเอง ทำด้วยจิตใจที่สว่าง ด้วยสามัญสำนึกครบถ้วน ทำโดยที่ไม่ได้มีเรื่องอื่นใดมากวนใจให้เศร้าหมอง ทุกวันนี้เมื่อย้อนคิดไปถึงภาวะนั้นในครั้งใด ก็บังเกิดความอิ่มเอมเปรมปรีย์ในทุกครั้ง

แต่หลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีความตั้งมั่นในจิตใจที่จะทำสิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นอีกเลย โดยมีข้ออ้างร้อยแปดพันประการเป็นแบ็คอัพหนุนหลัง ถึงกระนั้นก็ไม่เคยบอกลาธรรมะเสียทีเดียว เนื่องจากในปัจจุบันมีพระอาจารย์ นักปฎิบัติ นักคิดนักเขียน หลายท่านที่นำธรรมะมาย่อยให้เป็นเรื่องง่าย คำว่าวิปัสสนากรรมฐาน ที่เคยเป็นคำที่ย่อยยากเหลือเกิน อธิบายง่าย ๆ ด้วยการปฎิบัติแบบตามรู้ตามดูจิต

มดเคยสงสัยในคำว่า “ไม่มีเรา ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายและจิตใจ” และได้รับคำอธิบายว่า “หากร่างกายเป็นของเราจริง ทำไมจึงสั่งไม่ให้เจ็บไม่ให้ปวดไม่ได้ หากจิตใจเป็นของเราจริง ทำไมจึงสั่งให้หายเศร้าไม่ได้ ทำไมจึงสั่งให้ดีใจไม่ได้” มดฟังคำอธิบายแล้วก็ “เข้าใจ” แต่ไม่เคย “รู้” จริงสักครั้ง

คำถามที่มดมีอยู่ตลอดก็คือว่า “แล้วเราจะทำยังไง ในเมื่อจิตไม่ใช่ของเรา สั่งมันไม่ได้ แล้วจะทำยังไม่ให้มันมีอำนาจเหนือเรา” ท่านตอบว่า “ตามรู้ ตามดูมันไป ถึงเวลาเมื่อมันเห็นว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ จิตมันจะเบื่อหน่ายคลายไปเอง”

มดเองมีเวลา ก็ตามดู ตามรู้มันไป พอลืม ๆ ก็ปล่อยอารมณ์ไปตามที่จิตมันพาไปทุกที จนเมื่อวันก่อนนี้เอง ที่มดเกิดประสบการณ์อันน่าตื่นตะลึง ที่อธิบายเป็นคำพูดก็ยากอยู่สักหน่อย เหตุมันเกิดในช่วงเวลาธรรมดา ในขณะที่มดกำลังนั่งอยู่ที่สวนหลังบ้านคนเดียว อยู่ดี ๆ มดก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองออกมาเป็นผู้ดู เห็นจิตมันคลายสิ่งที่กำลังยึด เห็นจิตมันทำความสะอาดตัวมันเอง มดรู้สึกถึงความสว่าง และสงบ มันสว่าง มันปิติ จนถึงขั้นน้ำตาไหลออกมา เป็นน้ำตาแห่งความดีใจเหนือความความดีใจใด ๆ ที่เคยผ่านมา

เพิ่งได้ซึ้งถึงคำว่า “จิตมีชีวิตของมันเอง” ก็ครั้งนี้ มดเคยพยายามบังคับตัวเอง ให้สงบ ให้ชื่นบาน ให้คิดดี คิดงาม ให้ต่อสู้กับความคิดชั่วร้าย แต่ไม่เคยทำได้แบบหมดจด เพราะมดใช้วิธี “คิด” เอาเอง “บังคับ” ให้เป็นอย่างใจ ในตอนที่คิด+บังคับเอาเองนั้น ก็เข้าใจว่าเราทำได้อย่างนั้นแต่เอาเข้าจริงมันก็ไม่ใช่ เพราะมันไม่แท้ มันยังไม่จริง

จนวันนี้มดไม่เพียง “เข้าใจ” แต่มดได้ “รู้” ด้วยตัวเองว่า เมื่อจิตมันทำงานเอง มันพาความสงบเข้ามาเองโดยเราไม่ต้องบังคับนั้นมันเป็นอย่างไร

มดขอน้อมจิตคารวะแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงโปรดได้ทิ้งคำสอนของท่านไว้ ให้มนุษย์ตัวน้อย ๆ อย่างมดได้เดินตามไปยังเส้นทางพ้นทุกข์ แม้จะเพิ่งเป็นก้าวสั้น ๆ ก้าวเล็ก ๆ แต่ก็เรียกได้ว่าได้เข้ามาเดินอยู่ในเส้นทางแล้ว และขอน้อมจิตคารวะครูบาอาจารย์ผู้สืบทอดคำสอนและนำมาเผยแพร่ให้พุทธศาสนายืนยาวต่อไป รวมไปถึงนักปฎิบัติรุ่นพี่ผู้ซึ่งไม่เคยย่อท้อต่อการแนะนำวิธีตามดูจิตแบบง่าย ๆ ให้เข้าถึงได้ ปฎิบัติได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน

หากท่านใดได้เข้ามาอ่านข้อความของมดในวันนี้ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ดลจิตดลใจให้ได้คิดจะเริ่มต้นเดินไปในหนทางแห่งการพ้นทุกข์ร่วมกัน เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการฝึกตามรู้ ตามดูจิตนี่แหละ แล้วความมหัศจรรย์จะบังเกิดในใจเอง

Mod-x

5 Responses to “จิต – ซึ่งเรามิอาจบังคับได้”

  1. Beauty Forever Says:

    ตามรู้ ตามดูจิตยังไงคะ ช่วยสอนหน่อย

  2. Mod-x Says:

    มดสอนไม่ได้นะจ๊ะบิว เพราะยังไม่เก่ง บิวแวะไปอ่านที่นี่นะจ๊ะ
    http://www.wimutti.net/

    หลักง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะเกิดความคิดอะไรขึ้นมาก็ตามดู ตามรู้ไปโดยไม่ต้องไปยุ่งกับจิตเค้าน่ะจ้ะ
    เช่น พอดีใจ ก็รู้ทันความรู้สึกว่าดีใจ พอโกรธ โมโห ก็ตามดูมันไปว่ามันจะอาละวาดฟาดงวงฟาดงาได้แค่ไหน
    เราเอาตัวออกมาเป็นผู้ดูน่ะจ้ะ — อธิบายยาก ต้องลองปฎิบัติดูนะ

  3. Beauty Forever Says:

    ขอบคุณมดมากที่แนะนำเวปดีๆแบบนี้ เราโหลดมาฟังอยู่ ช่วยได้มากเลย

  4. ป้าต้อม Says:

    เหนื่อยกับชีวิตจังเลยค่าน้องมด ทั้งงาน เรียน คนในบ้าน ตอนนี้กำลังรู้สึกท้อมาก แก้ปัญหาหลายๆอย่างไม่ได้ อยากไปให้ไกลจากที่นี่ทุกวินาทีเลยเชียว อยากไปใช้ชีวิตสงบๆอยู่คนเดียว ทิ้งทุกอย่างไว้ วางทุกอย่างไป ไม่เคยเหนื่อยใจแบบนี้มาก่อนเลย :(

  5. ป้าต้อม Says:

    ถ้าบังคับจิตได้ก็ดีไม่น้อยเลยนะคะ

Leave a Reply