Jun 24

หลังจากที่มดเข้าใจว่า เรื่องหลายเรื่องเราต้องรอเวลาที่เหมาะสม ที่จะทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างที่เราคิด ที่เราฝันไว้เกิดขึ้นเป็นจริง และ จับต้องได้ ก็ทำให้มดมีความหวังที่จะอดใจรอคอยวิวัฒนาการของ “การหายตัว” มีนักคิดนักเขียนหลาย ๆ คนทั้งไทยและเทศแสดงความฝันของเขาออกมาในรูปของนวนิยายชื่อดังและไม่ดัง ทั้งเขียนด้วยหลักพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ หรือหลักของจินตนาการศาสตร์ก็ตาม แต่มดก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไปได้ที่ในชีวิตมดจะได้เห็นมัน แม้ว่ากว่าความฝันของดาวินชี่ที่จะเห็นมนุษย์บินได้ใช้เวลานานเกินร้อยปี และเขาไม่มีโอกาสได้เห็นมันก็ตาม

เพราะในช่วงไม่กี่สิบปีมานี้ วิทยาศาสตร์เดินทางเร็วมาก มนุษย์เราทำเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง เรื่องการหายตัว หรือเคลื่อนย้ายวัตถุถูกพูดถึงตั้งแต่สมัยของ NIKOLA TESLA (1857-1943) (ซึ่งเป็นสมัยเดียวกับปู่ไอน์สไตน์) และบางทีอาจจะก่อนหน้านั้น ..แฮ่มมม ที่มดรู้นี่ก็ไม่ใช่เพราะว่าเป็นแฟนพันธ์แท้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์อะไรหรอก เพียงแต่เรื่องของปู่เทสล่า ถูกพูดถึงในหนัง The Prestige หนังเกี่ยวกับมายากล ที่นำเอาวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยต่างหาก ในหนังนั้นเป็นเรื่องการแข่งขันระหว่างสองนักมายากลหนุ่ม ที่พยายามเสนอกลที่แปลกใหม่ให้กับผู้ชม หนึ่งในกลที่ว่าก็คือการหายตัวอย่างรวดเร็วจากฟากหนึ่งไปยังอีกฟากหนึ่ง มีการนำเอาการทดลองของ ปู่เทสล่าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังสมัยนั้นมาผนวกเข้ากับเนื้อเรื่องด้วย แม้การทดลองจะล้มเหลว (ทั้งในข้อมูลจริงและในหนัง) แต่เชื่อว่ามันต้องไปสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อ ๆ มาเป็นแน่แท้ … และนักไม่วิทยาศาสตร์อย่างมดก็ไม่ต้องทำอะไร แค่อดทนและรอคอย เป็นไปได้ว่าในชั่วชีวิตอาจจะได้เห็นมันเกิดขึ้นจริง

เรื่องศักยภาพการพัฒนาของมนุษย์ในช่วงศตวรรษหลังนี้ ทำให้มดนึกถึงเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่คุยกันเล่น ๆ กับอ้วน อย่างที่เรารู้กันว่าโลกเรานั้นอยู่ในระบบสุริย และเป็นส่วนหนึ่งของกาแล็คซี่ทางช้างเผือก (Milky way) ถือกำเนิดมาเมื่อสี่พันล้านปี และนักวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ ก็ออกมาให้ความรู้แก่พวกเราพร้อมทั้งยืนยันหนักแน่นว่า ยังมีระบบอื่น ๆ ในจักรวาลอยู่ในอีกหลายแกแล็คซี่ หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะมีระบบสุริยแบบโลกเรานี้อยู่อีกมากมายในจักรวาล

ทีนี้เราลองมาดูกันว่ามนุษย์วิวัฒนาการเร็วมากขนาดไหนถ้าเปรียบว่า แรกเริ่มเดิมทีเมื่อพันล้านปีที่แล้วสิ่งมีชีวิตสิ่งแรกนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นแมลงชนิดหนึ่ง และซากกระดูกของมนุษย์โบราณที่ถูกค้นพบเก่าแก่ที่สุดมีอายุ 2 ล้านกว่าปีเท่านั้น สี่พันล้านปีผ่านไปแมลงยังคงเป็นแมลง แต่มนุษย์โบราณซึ่งถือกำเนิดหลังแมลงกว่าพันล้านปีที่เดินเปลือยกายถือท่อนไม้โทง ๆ ได้เปลี่ยนตัวเองมาใส่เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ เหาะได้ และใช้ iPhone … ช่วงพันสองพันปีหลังนี้ มนุษย์เราพัฒนาศักยภาพได้เร็วกว่าช่วงก่อนมาก สังเกตุได้จากตัวมดเองนี่แหละ ภายในระยะเวลา 30 กว่าปีในชั่วชีวิตหนึ่งวิทยาศาสตร์ทำให้ชีวิตพลิกผันไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์นานาชนิด มันมากกว่าช่วง 30 ปีแรกในชีวิตของคุณยายมดแน่นอน

แล้วถ้าสมมติว่า มันมีระบบสุริยในอีกจักรวาลหนึ่ง ที่มนุษย์ถือกำเนิดเร็วกว่าเราเพียง 500 ปี มันน่าจะสันนิษฐานได้ว่ามนุษย์กลุ่มนั้นอาจจะพัฒนาเครื่องจักรกลพิศดารอะไรต่อมิอะไรได้ไกลกว่าเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า และอาจจะเป็นไปได้ว่าคงผลิตเครื่องมือเดินทางเคลื่อนย้ายวัตถุรวมทั้งสิ่งมีชีวิต ทั้งยังทำให้สามารถเดินทางได้เร็วเกือบเท่าแสงก็เป็นได้ ดังนั้นก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องยากเลยที่จะเดินทางมาเยี่ยมเยือนมนุษย์กลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไปอีกแกแล็กซี่หนึ่ง

มดเองเขียนเรื่องแบบนี้ บางทีก็คิดว่าตัวเองค่อนข้างจะเพ้อออกนอกโลกไปเสียหน่อย แต่พอลองนึกไปถึงว่าสมัยก่อนเวลาใครคนหนึ่งนั่งมองท้องฟ้าแล้วรำพึงว่าอยากจะบินได้เหมือนนก ผู้คนรอบข้างก็หัวเราะ พลางส่ายหัวและไล้ให้ไปทำงานซะจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน … แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะคะ ดังนั้นโปรดอย่าหัวเราะถ้ามดอยากจะรำพึงขึ้นมาบ้างว่า -อยากหายตัวได้ว่ะ-

….
Modx-x

One Response to “หายตัว”

  1. พี่แก้ว Says:

    เริ่มจากหายหัวก่อน แล้วหายตัวจะเกิดขึ้นได้ อิอิ

    เคยเพ้อเหมือนกันว่า อีกหน่อยคงสามารถเอาปลั๊กเสียบสมองแล้วมันพิมพ์ความคิดเราออกมาเป็นหนังสือได้เลย นอนกระดิกทีนคิดอย่างเดียว (รอวันเป็นง่อย) เวลาคิดอะไรแจ่มๆ มันปลิวหายไปหมด หรือคิดๆแล้วพอมานั่งเขียนโจรมันขโมยไปหมดเหมือนมดว่า … อนาคตถ้าเอาเม็มโมรี่ สติ๊กเสียบเข้าหัวได้คงจะแจ่มสุดๆ อิอิอิ

Leave a Reply