Nov 01

ในวันที่เทคโนโลยีเกาะติดอยู่ที่นิ้วเรา ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของใครต่อใครเราก็รู้ได้ รวดเร็วฉับพลัน ในวันก่อน ๆ เราแค่อยากรู้ว่าหวยออกอะไร บอลนัดเมื่อคืนใครชนะ นายกฯจะตอบปัญหางบประมาณอย่างไร ดาราคนไหนเลิก/แต่ง/ตบกับใคร จากหน้าหนังสือพิมพ์รายวัน แต่ในวันนี้แม้เราไม่อยากรู้ ก็ได้รู้อยู่ตลอดทั้งวันว่า เพื่อนคนนั้นไปหาหมอฟันตอนไหน หมอกำลังทะลวงฟันคุดซี่ไหนอยู่ และออกจากร้านจะไปกินข้าวกับใครต่อ ยังไม่พอแค่นั้นระหว่างกินข้าวก็มีภาพถ่ายอาหารและหน้าของเพื่อนคนนั้นที่นั่งกุมแก้มบวมๆ พร้อมคำอธิบาย “ปวดฟันแต่อยากกิน” มาให้เรานึกในใจเล่นว่า (ต้องบอกกูด้วยเหรอ?)

Social network ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นดารา เป็นคนสำคัญ จับต้องได้ และเป็น somebody ไม่ใช่ nobody การรายงานจังหวะชีวิตและความคิด บางทีมันก็มากเกินไปในความรู้สึกของมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว และอุ่นใจว่ามีคนอีกหลายคนอยู่เป็นเพื่อนและรับรู้ความเป็นไปของเราในอีกฟากฝั่งหนึ่งของกลุ่มข้อมูลดิจิตอล ทั้งยังทำให้เรากับอีกฝ่ายใกล้กันขึ้น ทำให้การเจอหน้าในชีวิตจริงโลกจริงมีข้อมูลเป็นฉากหลังที่แน่นขึ้น

มดเคยคุยกับเพื่อนคนหนึ่งว่า พออายุมากขึ้นการมีเพื่อนใหม่เพิ่มเข้ามาในชีวิตก็ยากขึ้น เพราะเราไม่ค่อยมีเวลาไปทำเรื่องไร้สาระด้วยกัน … อืม … social network กำลังตอบโจทย์นี้รึเปล่ามดก็ไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ ๆ เรื่องที่เราคุยกันในโลกออนไลน์ ก็ไม่ค่อยพ้นเรื่องอันหาสาระไม่ได้เท่าไหร่ การคอมเม้นท์เล่น ๆ ในเชิงหยอกล้อ จับใจความไม่ได้ เสียงหัวเราะ อิอิ คริคริ งุงิ กักกัก แบบปัญญาอ่อน คือความไร้สาระที่เราใช้ร่วมกัน และทำให้ระยะห่างมันใกล้เข้ามามากขึ้น

ในโลกจริง เรานัดเพื่อนมาล้อมวงกินข้าวพูดคุย เม้าท์คนนั้น นินทาคนนี้ แล้วจู่ ๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะร่วมกัน

ในโลกออนไลน์ เรามาล้อมวงเม้นท์ เม้าท์คนนั้น นินทาคนนี้ แล้วจู่ ๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะเป็นเลข 5555555+ ร่วมกัน

แม้มันจะต่างกันที่ “เสียง” หัวเราะที่กระทบโสตสัมผัส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้ยิน “เสียง” ของเลข 5 ซักหน่อย … ใช่ไหม?

….
Mod-x

2 Responses to “Social Network 2”

  1. โลกใบเล็ก Says:

    “Social network”
    ความหมายมันคืออะไร?? ผมนึกไม่ออก จึงก็ต้องไปเปิดใน google ซึ่งแปลออกมาว่า “เครือข่ายทางสังคม” ผมถึงพอเข้าใจความหมายของผู้เขียนได้มากขึ้น (แต่จะถูกรึป่าวก้อไม่รู้นะ??) และพอได้อ่านจนจบ ผมก้อมีความรู้สึกคล้ายกับผู้เขียนเลย อย่างหนึ่งที่แน่ๆก้อคือตัวเลข 5555+ และวลี สั้นๆ ที่หลายคนชอบต่อท้ายประโยคกัน

    ..อีกอย่างหนึ่งก้อคงเป็นความคิดเข้าข้างตัวเองที่คิดว่า ..เราเป็น “คนดัง” มีคนคอยสนใจมากบ้างน้อยบ้าง (สำหรับในบางครั้ง) แต่มันก็ทำให้เรารู้สึก..ยินดีได้ ^_^

    ..แต่อย่างหนึ่งที่ผมได้จาก “Social network” (เกิน)ผู้เขียนก้อคือ ..ทำให้ผม ได้เป็นผู้ติดตาม “คนดังของผม” ได้อย่างเงียบๆ และค่อยๆพัฒนา จนบางครั้งยังได้มีโอกาสใกล้ชิดและได้รับรู้ข้อมูลของเขา ที่ผมสนใจได้ง่ายดาย ..ขยายความก้อคือ… “เหมือนเราได้เจอหน้ากันทุกวัน” ..เลยครับ

  2. Color Says:

    มันทำให้เรา “สาระแน” เรื่องของคนอื่นได้โดยไม่น่าเกลียด

Leave a Reply