ตั้งแต่อายุเริ่มย่างเข้า 35 มดรู้สึกว่าตัวเองจะให้ความสำคัญกับบุคลิกภาพภายนอกพอสมควร ใช้เวลากับหน้ากระจกนานกว่าเมื่อก่อนเพื่อสำรวจริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และเสียจริตเมื่อพบผมหงอกซักหนึ่งเส้นที่หลบซ่อนอยู่ รวมไปถึงสิ่งประกอบอื่น ๆ ที่ทำให้เราเป็นตัวเราเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ข้าวของที่ใช้ นอกจากจะมีคำถามว่า “ดูดีหรือไม่?” เดี๋ยวนี้ยังมีคำถามเสริมเพิ่มมาอีกว่า “ดูแก่ไปป่าว?” …. ทั้ง ๆ ที่เคยบอกคนอื่นว่า ชอบผู้หญิงที่สวยสมวัย แต่ทำไมตอนนี้อยากจะดูเด็ก ดู cool กว่าวัยก็ไม่รู้สิ

เคยคุยกับพี่คนหนึ่งว่า จะย้อมผมมั้ยถ้าผมหงอก และจะย้อมไปถึงเมื่อไหร่ พี่คนนั้นตอบมดว่า คิดว่าจะย้อมไปจนถึงอายุ 50 แล้วค่อยปล่อยให้หงอกตามธรรมชาติ … อืมมม แล้วมดล่ะ? สารภาพตามตรง มดยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น เพราะยังไม่พร้อมที่จะคิด ยังไม่พร้อมที่จะยอมรับว่า วันหนึ่งผมอันดำขลับของเราจะกลับกลายเปลี่ยนสีไป ถ้ามันขาวไปทั้งหัวก็คงเท่ห์ดี แต่ถ้่าวันนี้อยู่ดี ๆ ก็เจอผมขาวแซมเป็นหย่อม ๆ มดคงกรี๊ดลั่น ในวัยย่าง 35 มดยังไม่พร้อมค่ะ

เมื่อสองปีที่แล้วหนังสือพิมพ์ที่อ้วนอ่านเป็นประจำ มีคอลัมภฺ์พิเศษในวันอาทิตย์เกี่ยวกับเรื่องคล้าย ๆ กันนี้ ครึ่งหน้าเต็ม ๆ อุทิศกับรูปหกรูป ของคนหกคน ซึ่งแต่งตัวเก๋ ๆ เท่ห์ ๆ ทั้งหกคนใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ และดูอ่อนวัย แทบจะเดาไม่ได้ว่าแต่ละคนอายุเท่าไหร่ ข้างใต้รูปภาพทั้งหกมีคำโปรยตัวใหญ่ ๆ ใจความประมาณว่า “เด็กเกินไปรึเปล่า?” เนื้อหาทั้งหมดเป็นบทความเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าื ผู้คนสมัยนี้ไม่ยอมแก่ และบางทีก็ทำตัวเด็กเกินไป ไม่เหมาะกับหน้าที่การงาน อาชีพ ความน่าเชื่อถือ ฯ และก็มีคำสัมภาษณ์ของทั้งหกคนว่า คิดอย่างไรถึงยังอยากที่จะดูเด็กขนาดนั้น

ตอนมดอ่าน (หรืออันที่จริงคืออ้วนอ่านแล้วแปลให้ฟัง) มดน่ะเห็นด้วยกับพี่ ๆ ทั้งหกนั่นเต็มที่ ก็ทำไมล่ะ การจะดูเด็กมันผิดตรงไหน การที่เราแต่งตัวคงที่เสมือนยังอายุยี่สิบห้า ทั้ง ๆ ที่ห้าสิบมันผิดตรงไหน ใครจะสวยสมวัยก็สวยไปสิ ฉันจะ Stay cool มันผิดด้วยเหรอ ถึงตอนนี้มดก็ยังคิดอยู่ อาจจะเปลี่ยนความคิดเมื่ออายุขึ้นเลขห้าไปแล้วก็ได้ แต่ตอนนี้ยังยึิดมั่น Stay cool อยู่เหนียวแน่้น

เมื่อก่อนมดอ่านเจอบทสัมภาษณ์ของพี่ cool คนหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าในช่อง Age ทำไมพี่เค้าไม่ใส่เป็นตัวเลข แต่เขียนว่า
Age : old enough to understand the world
ตอนนี้เข้าใจแล้ว : )

Mod-x

Share on Facebook

This entry was posted on Thursday, March 25th, 2010 at 3:39 pm and is filed under Article. You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0 feed. You can leave a response, or trackback from your own site.