Mar 20

เคยมั้ยที่เวลาเรามองไปที่คนที่ติดเหล้า ติดบุหรี่ ติดการพนัน แล้วนึกเหยียดหยามในใจว่าเขาเหล่านั้นช่างอ่อนแอเสียเหลือเกิน โดยที่เราลืมนึกไปว่า ตัวเราเองก็อ่อนแอและติดอะไรบางอย่างที่ทำร้ายตัวเองเช่นกัน – มดขอสารภาพ มดติด Social Network และมันทำร้ายกัดกินมดอยู่เงียบ ๆ จนแทบจะสูญเสียตัวเองไปเสียแล้ว -


โปรแกรม Social Network อันแรกถูกพัฒนาโดยคนกลุ่มเล็กกลุ่มนึง ที่ต้องการตามหาเพื่อนที่หายไป เค้าใช้ชื่อโปรแกรมนั้นว่า Face Book ความหมายมันก็คล้ายคลึงกับหนังสือรุ่นที่มีหน้าของเราและเพื่อนของเราเรียงกันเป็นพรืดนั่นล่ะ Face Book ล่ะ

คนทำตั้งใจทำให้เพื่อนไม่หายไป ทำให้สายใยที่เคยมีระหว่างกันไม่สะบั้นลงแค่การจบลงของการศึกษาในรั้วมหา’ลัย และพร้อมกันนั้นก็ได้เพื่อนของเพื่อนมาเป็นเพื่อนใหม่ด้วยถ้าเป็นไปได้

มดเคยถามอ้วนว่า ทำไมอ้วนไม่ค่อย Active ในการเล่น Face Book เลย ไม่เห็นค่อยโพสท์รูป หรือข้อความที่บอกเลยว่ากำลังทำอะไร ที่ไหน กับใคร เมื่อไหร่ และกำลังคิดอะไรอยู่ อ้วนมองมดงง ๆ แล้วก็บอกง่าย ๆ ว่า มดไม่เข้าใจเหรอ จุดประสงค์ของ Face Book ก็คือ การที่เรามีชื่อของเพื่อนเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เอาไว้ในลิสท์ เพื่อที่เผื่อวันใดใครต้องการความช่วยเหลือจะได้รู้ว่าจะติดต่อกันยังไงต่างหาก ไม่ใช่การไปรบกวนกันและกัน

นั่นเป็นมุมมองของอ้วน ฝรั่งที่เว้นพื้นที่ให้ตัวเอง และคนอื่นได้ใช้ชีวิตเป็นส่วนตัว

แต่สำหรับมดและคนไทยอีกเป็นแสน ใช้ Face Book เพื่อเปิดเปลือยตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ว่า ณ นาทีนั้น ๆ ฉันกำลังคิดอะไร กำลังทำอะไร กับใคร ที่ไหน อย่างไร และรอคอยที่จะรู้ว่าเพื่อนของเรารู้สึกเช่นไร กับความคิดของเรา กับการกระทำของเรา และกับการใช้ชีวิตของเรา

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มดให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตมดมากขนาดนี้ ?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เวลามดไปเที่ยวกลับไม่ได้เทใจให้ในการเที่ยว 100% เพราะมัวห่วงว่าต้องถ่ายรูปไปขึ้น Face Book ต้องวิ่งหา Wifi เพื่อ Up load รูปและแจ้งกับผู้คนในเครือข่ายว่า “ฉันอยู่ที่นี่ และฉันมีตัวตน”

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มดต้องการมีตัวตน โดยการรับรู้ของคนอื่น?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มดใช้เวลา Online เพื่อตามชีวิตคนอื่นในเครือข่าย แต่ลืมให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัว?

ชีวิตก่อนมี Face Book สังคมของมดมีคนใกล้ชิดล้อมรอบอยู่ไม่น่าเกิน 30 คน ในที่นี้คำว่า “ใกล้ชิด” ไม่ได้หมายความว่า อยู่ใกล้อยู่ติดชิด ๆ กัน แต่หมายถึงเป็นผู้คนที่มีความหมายกับเรา มากพอที่ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า ต้องพูดคุย ต้องรับรู้เรื่องราวของเราทุกวัน ทุกชั่วโมง

มดชอบช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่มดไม่ได้ให้ความสำคัญกับ Social Network มากไปกว่าคนไม่เกิน 30 คนนี้ เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ไม่เหนื่อย และมีที่ส่วนตัวให้วิ่งเล่น

Mod-x
ป.ล. ตอนนี้มด Deactivate Face Book ไปสักพัก และยังไม่มีกำหนด on line

7 Responses to “Social Network”

  1. พา-หริ Says:

    เราเอาไป share ในหน้าของเราใน fb แล้วนะ ไม่ต้องตามไปอ่านหรอก เดี๋ยวจะเลิกไม่ได้ 5555

  2. hiphip Says:

    หักดิบ

  3. nui411 Says:

    ของทุกอย่างล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

    …อยู่ที่เราเลือกใช้มัน

    เรายอมรับนะว่าเราก็ติดมัน และเป็นอย่างที่มดบรรยายมาข้างบนเลยไม่ผิดเพี้ยน
    แต่สำหรับเรา มันทำให้เราได้ Share ความสุข ความทุกข์ ประสบการณ์ แง่คิด และอื่นๆ อีกมากมาย จากเพื่อนและญาติพี่น้อง
    ความหมายของคำว่า “network” (เนท’เวิร์ค) n. ตาข่าย,ร่างแห,แผนประสานซึ่งกันและกัน ฯลฯ
    “แผนประสานซึ่งกันและกัน” เราชอบความหมายนี้ของมันนะ

    กลับมา “แผนประสานซึ่งกันและกัน” เร็วๆ นะ

    ปล.ระบบ Social Network ทำให้หนุ่ยได้รู้จักเพื่อนดีๆ มากมาย ทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่

    …และมดก็เป็นหนึ่งในนั้น ;)

  4. พี่เจี๊ยบ Says:

    อ่านข้อเขียนของมดแล้วพี่ก็เห็นจริงตามนั้นเหมือนกันนะ แรกๆก็เป็นไฮไฟว์ พี่ก็ใจแข็งไม่เปิดบัญชีแม้ว่าจะมีใครต่อใครส่งมา ต่อมาก็เฟสบุ๊ค สุดท้ายก็เอาเปิดก็เปิดวะ แรกๆก็ไม่สนใจ เปิดไว้อย่างนั้น แต่พอมีข้อความเข้ามาก็อดที่จะอ่าน อดที่จะตอบโต้ไม่ได้ ในที่สุดก็ติดบ่วงมันอีกคน

    แต่ถ้าประเมินตัวเอง ก็ยังไม่ถึงขั้นรายงานความเคลื่อนไหวทุกขั้นตอน บางครั้งเห็นเค้าบอกกันตลอดว่า ตื่นแล้วนะ กำลังจะออจากบ้านนะ ไปทำอะไรมา กลับบ้านแล้วจ้า ก็ยังนึกว่าทำไมเราต้องบอกอะไรกันขนาดนั้นด้วยหรือ แต่ก็นานาจิตตังนะ

  5. พี่เอ้ Says:

    ถึงว่า หายไปเลย
    ตอนนี้พี่ก็ลาขาดกับ Farmville แล้ว เพราะรู้สึกว่ามันเอาเวลาเราไปแยะจัง แต่พี่สาวพี่ รับ Farmville ไปทำแทน เฮ้อ!

    เห็นด้วยกับ Stephan ว่าเรามี list เพื่อน เอาไว้ update ชีวิตกันบ้าง เจอเพื่อนเก่าที่เกือบจะลืมเลือนกันไปแล้ว ได้ say hi กันทีนึง แล้วก็อมยิ้มเมื่อนึกถึงความหลัง ก็แค่นั้น

    Social network มันก็มีดี โดยเฉพาะคนอยู่ไกลๆกันนะ จะได้หายคิดถึง

    ตอนนี้พี่มี FB เอาไว้ตามข่าวแทนแล้วล่ะ โดยเฉพาะ ของ Suthichai Yoon update ตลอดเวลาเลย

    หวังว่าคงพบกันอีกบน FB นะ ไม่งั้นคิดถึงแย่เลย

  6. พี่แก้ว Says:

    ทุกอย่างมันก็เป็นดาบสองคมนะ ทุกวันนี้ชีวิตคนเราติดกับร่างแหอะไรได้ง่ายๆ พี่ว่าพี่ก็เป็นโรคนี้มานานแล้ว บางวันก็ต้องหยุดพักนั่งดูใจตัวเอง เมื่อดูใจตัวเองทะลุแล้วเราก็กลับมาติดในร่างแหได้อย่างมีสติมากขึ้น (แล้วก็เผลอสติแตกกับเรื่องอื่นต่อไป) มันมีบางวันที่คนเราอยากเพ้อเจ้อ จู่ๆ ก็นั่งเปลือยตัวเอง เพราะเราเบื่อนั่งคุยกับความคิดตัวเองในใจเงียบๆ ต้องยอมรับกันไป มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ลึกๆ แล้วชอบร้องเพลง … อยากจะบอกใครสักคน (แล้วใครจะทำไม??) : )

    มห. พี่ก็เพิ่งสังเกตว่ามดหายไปจากลิสต์ เลยแวะมาหาที่นี่ คนทุกคนต่างรักมุมส่วนตัวที่คุ้นเคย แต่บางทีเราก็ชอบไปนั่งชิวๆ ตามร้านกาแฟ … ว่ามะ ; )

  7. barley* Says:

    ไม่มีกะเค้าเลยค่ะ FaceBookสุดฮิต
    ขี้เกียจอัพเดต และจริงๆคือ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราทำอะไร
    เอิ๊กๆๆ

Leave a Reply