Jul 08

ฟุตบอลยูโรเพิ่งหมดไปได้ไม่นาน มดยังได้กลิ่นของบรรยากาศลอยเจือจางอยู่ทั่วไป นึกถึงวันนั้นที่ไปเมืองเบิร์นแล้วเจอกองเชียร์ทีมดัช พากันใส่ชุดสีส้ม เดินกระจายกำลังและโห่ร้องอยู่ทั่วเมือง ทำให้เมืองเบิร์นที่สงบนิ่งเป็นนิจถูกปลุกปลั่นให้กลายเป็นเด็กชายแสนเฮี้ยว เซี้ยว ซน แม้ว่ามดเองจะไม่ใช่คอบอล ไม่ได้เฝ้าตามติดชิดกระชั้น ไม่รู้แม้ว่ามีประเทศใดบ้างที่เข้ารอบมาเตะกัน แต่การได้ไปอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ชอบอะไรเหมือนกัน ผู้คนที่พาความชอบของตัวเองออกมาสู่ในที่สาธารณะและประกาศความชอบนั้นแบบไม่อายใคร ซึ่งพอเราไปอยู่ตรงนั้น แม้ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมอะไรมาก่อน ก็ร่วมไปกับเค้าได้ไม่ยาก และอดที่จะคิดไม่ได้ว่า เออ มันก็รื่นรมย์ดีเหมือนกันแฮะ

ช่วงแห่งฟุตบอลยูโรผ่านไปแล้ว สเปนครองแชมป์ในปี 2008 (โดยฟาดฟันกับเยอรมันในรอบชิงชนะเลิศด้วยคะแนน 1-0) ห้างร้านต่าง ๆ เริ่มเอาของเกี่ยวกับฟุตบอลยูโรมาลดราคา และหลาย ๆ ร้านเริ่มเปลี่ยน display หน้าร้านใหม่เป็น welcome summer time รวมไปถึงป้ายโฆษณาต่าง ๆ ด้วย วันที่ป้ายโฆษณาชิ้นหนึ่งกำลังจะถูกติดทับด้วยโฆษณาชิ้นใหม่ ใจมดก็ครุ่นคิดติดตาม ในป้ายใบเก่ามีคำพูดหนึ่งเขียนกำกับภาพกลุ่มผู้ชายที่นั่งกอดคอกันว่า “Football is my life”

คนที่จะเอ่ยประโยคนี้ออกมาได้ เค้าคงแน่ใจแล้วว่า นี่คือสิ่งที่เค้าชื่นชอบและคลั่งใคล้จริงจัง มดไม่สงสัยและไม่คิดไปใต่ถามว่า Really? แต่มดกลับถามตัวเองว่า อะไรบ้างที่เราจะประกาศออกไปว่า … is my life! มีอะไรบ้างที่เราชื่นชอบคลั่งใคล้ (ไม่นับ Brad Pitt และ ปราบดา หยุ่น) ถึงขนาดกล้าประกาศออกไปว่า สิ่งนั้นมันหล่อเลี้ยงชีวิตเรา ขบคิดอยู่นานและได้กลับมาเพียงความว่างเปล่า ไม่มีเลย!

มดค่อย ๆ พยายามแจกแจงสิ่งที่ชื่นชอบและสนใจ แล้วก็พบว่ามันไม่ถึงขนาดคลั่งใคล้จนประกาศไปได้ว่ามันคือ my life , มดบอกไม่ได้ว่า Travelling is my life เพราะหลังจากเดินทางได้เพียง 1 เดือน มดก็อยากจะอยู่นิ่ง ๆ ที่บ้านซักหนึ่งปีเป็นการชดเชย แม้จะรื่นรมย์กับการเดินทางไปพบกับสิ่งใหม่ ๆ แต่กลับทำใจไม่ได้ที่จะต้องจากลาและค้นพบที่หลังว่ามันไม่ใช่ชีวิตจริงมันคือ Holiday!

มดบอกไม่ได้ว่า Reading is my life แม้จะหมกตัวอยู่กับหนังสือที่ชอบได้เป็นวัน ๆ แต่พอคิดจะประกาศก้องออกไปว่า Reading is my life กลับมีคำถามผุดขึ้นทันใด Really? มดชอบอ่านหนังสือ สามารถอ่านหนังสือเล่มที่ชอบได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า  รู้สึกสุขใจจนบางครั้งถึงกับหลั่งน้ำตาให้เมื่อได้พบพานกับหนังสือดี ๆ สักเล่ม การได้ขบคิดและใคร่ครวญถึงตัวหนังสือที่เรียงรายออกมาเป็นเล่มจนกระทบใจเรา เป็นความรู้สึกเหมือนมดได้ครอบครองสิ่งล้ำค่าและน่าหวงแหน แต่ว่ามันคือ My Life จริง ๆ หรือ?

แล้วมีอะไรอีกที่พอจะเอามาวิเคราะห์ได้? ไม่มี? ชีวิตมดน่าเบื่อถึงเพียงนี้เชียวหรือ มีแค่เรื่องการท่องเที่ยว และการอ่านเท่านั้นเหรอ ที่เราสนใจ? ไม่ใช่หรอก มดรู้ว่าตัวเองเป็นคนชอบค้นหา ชอบสิ่งใหม่ ๆ หากรู้ว่าไม่ใช่ก็ทิ้งไป แล้วก็หาใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้ มดเคยชื่นชอบฟุตบอลแบบคลั่งใคล้ตอนม.3 มดชมชอบศิลปะและสนใจการวาดสีน้ำเป็นระยะ ๆ มดชอบดูหนัง มดชอบฟังเพลง (เป็นระยะ) ว่าง ๆ มดก็ชอบที่จะเขียนและบอกเล่าเรื่องราว (เป็นพัก ๆ) มดคลั่งใคล้เรื่องซุบซิบของดาราไทยและเทศ (ตลอดเวลา) มดชอบถ่ายรูปและเรียนรู้มันอย่างจริงจัง (ในตอนนั้น) 

มดว่าการจะระบุว่ากิจกรรมอะไรเพียงอย่างเดียวคือ My life มันค่อนข้างจะแคบไปหน่อย และจะทำให้กิจกรรมอื่น ๆ น้อยอกน้อยใจ พาลจะเดินออกจากชีวิตมดไปซะหมด มดคงทนตัวเองไม่ได้ที่จะหมกมุ่นคลั่งใคล้อยู่กับอะไรเพียงอย่างเดียว มดว่า Discovering is My life ไม่ต้องสงสัย Absolutely!

Mod-x 

4 Responses to “….is my life!”

  1. น้องแหม่ม Says:

    อืม เจ๋งงงงง

    ทำให้กลับมาถามตัวเองเหมือนกันค่ะ ว่าอะไรคือ my life ตอนนี้สำหรับตัวแหม่มเอง ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าอะไร

    แต่คนที่แหม่มคบอยู่ด้วยเค้าเคยบอกว่า “รักแท้แพ้บอล” คิดว่า สำหรับเค้าก็คงเป็นเหมือนผู้ชายคนนั้น ว่า football is my life อ่ะ \^_^/

  2. น้องแหม่ม Says:

    หลังจากลองกลับไปคิดๆ ดูแล้ว ก็คิดออกว่า …. is my life

    สำหรับแหม่มแล้ว คงเป็นการที่ได้ทำงาน NGO งานเพื่อสังคมเนี่ยแหละ is my life เพราะรู้สึกมีความสุขกับการได้ทำงานอย่างนี้ เท่าที่จำได้ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง ในรอบเกือบ 4 ปี ที่ทำงานที่ WWF นี้ แล้วรู้สึกเหนื่อย อยากกลับบ้าน (เพราะตอนนั้น งานเยอะมาก จนรู้สึกว่าทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง เลยผิดหวัง แล้วก็พาลเหนื่อยไปซะงั้น แต่หลังจากตั้งหลัก แล้วค่อยเคลียร์ออกไปทีละเปลาะ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ฉลุยคับผม)

    ในมุมมืดของความรู้สึก อาจเป็นเพราะ เรากลัวตัวเราเองไม่มีคุณค่า ก็เลยต้องทำอะไรที่ทำให้ตัวเราเองรู้สึกว่ามีคุณค่าขึ้นมา และงานนี้ก็ตอบสนองความรู้สึกตรงนั้นของเราได้เต็มๆ

    คิดไว้แล้วว่า ถ้าเป็นไปได้ ก็จะขอทำงานใน field นี้ไปเรื่อยๆ วันนี้ดีใจที่ได้รู้แล้วว่า …… is my life

  3. เจ๊กอ Says:

    ถ้าเป็นสมัยก่อน คงตอบได้ทันทีว่า
    music is my life.
    เดี๋ยวนี้…is my life เปลี่ยนไปทุกๆวัน
    ยิ่งแก่ ยิ่งเบื่อง่าย ไม่จีรัง จริงจัง วูบมาวูบไป
    ขนาดกิ๊กเก่าๆที่เคยหวนไห้ตราตรึง ยังหลงลืมได้ลง
    หรือจริงแล้วตลอดมาก็ยึดเอาตัวเองเป็นสรณะ
    Me is my life. (ตัวกูเองนี่ล่ะที่รักที่สุดแล้ว)
    อะไรก็ได้ที่เราพึงใจ ชอบใจเป็นช่วงๆ…นั่นล่ะใช่เลย

  4. แม่พลอย Says:

    นอกจาก …is my life แล้วยังมีอีกอันนะที่เราเห็นว่าความหมายน่าจะคล้ายกัน แต่ดูจะดุเดือดกว่า ก็คือ…TO DIE FOR.

    เมื่อก่อนเราเป็นมากกว่าแค่ …is my life อีกนะ เราเป็นพวก shopping to die for!แต่ตอนี้หายแล้วหล่ะ

Leave a Reply