Mar 30

มดมาอยู่ที่สวิสนี่ นับไปนับมาก็สี่ปีนิด ๆ แล้ว คุ้นเคยกับประเทศนี้ จนเรียกว่าเป็นบ้านแห่งที่สองได้แล้วเหมือนกัน ตอนแรกก็ไม่แน่ใจนัก จนเมื่อครั้งที่ไปตะลอนอิตาลีอยู่คนเดียวอาทิตย์นึง แล้ววันสุดท้ายนั่งรถไฟจากมิลานเข้าประเทศสวิส แค่เห็นรถไฟแล้วรู้ว่าเป็นรถไฟของประเทศสวิส (ดูจากตู้ขบวนรถ) เท่านั้นแหละอุ่นใจเหมือนเดินขึ้นบันไดเข้าไปในบ้านตัวเองเลยทีเดียว

ยิ่งได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเป็นสำเนียงสวิส-เยอรมัน แม้จะฟังไม่ออกทั้งหมด แต่ใช่คนสวิสแน่ ๆ ใจก็ชื้นคล้ายกับว่าเห็นเพื่อนบ้านยังไงยังงั้น รู้สึกผ่อนคลาย และความมั่นใจต่าง ๆ ก็กลับมา เสมือนกำลังนั่งรถไฟอยู่ในประเทศสวิสนั่นแหละ แม้รถไฟจะยังจอดอยู่ที่ประเทศอิตาลีก็ตาม

ถึงมดจะรู้สึกว่าสวิสคล้ายกับบ้านหลังที่สองของตัวเอง แต่มีอย่างนึงซึ่งค้างคาใจอยู่ตลอดฤดูหนาวของทุกปี นั่นก็คือ กีฬาฤดูหนาวที่ชื่อว่า “สกี” มันเป็นกีฬาที่มดมองด้วยความสนใจอยู่ห่าง ๆ และกล้า ๆ กลัว ๆ คือกลัวว่า ถ้าเราลองไปเล่น คงไม่พ้นจะล้มคว่ำล้มหงายหลายรอบแน่นอน ซึ่งก็จริง ปีแรกที่มาอยู่ คุณอ้วนชวนไปหาเพื่อนที่เมืองเล็ก ๆ แห่งนึงใกล้ St. Moritz และก็ได้ทดลอง สกีประเภท ครอสคันทรี่ ซึ่งเป็นสกีวิ่งทางเรียบ และวิ่งอยู่ในลู่ที่ถูกทำขึ้น

ทั้งคุณอ้วนและคุณเพื่อนบอกกับมดว่า นี่เป็นสกีที่หัดง่ายกว่า สกีปกติ เพราะว่าลู่ที่ทำขึ้นมันจะตรงไปเป็นทางเรียบซะส่วนใหญ่ มีเนินเล็ก ๆ น้อย ๆ นิดหน่อยเท่านั้น

แต่ก็นั่นแหละ การเล่นสกีแบบมั่ว ๆ กันเองในหมู่ ทฤษฎี อะไรก็สอนแบบคนเป็นแล้ว คือคุณอ้วนและเพื่อน สอนมดประมาณ 10 นาที แล้วก็เดินไปกินกาแฟกัน ปล่อยให้มดหัดอยู่คนเดียว 2 ชั่วโมง ซึ่งเกือบ 80%  หัดล้มและก็หัดลุก วันนั้นเลื่อนตัวไปได้ไม่เกิน 50 เมตร (พร้อมกับทำลู่สกีพังหมดทั้งแถบ) แต่ก้นระบมไปอาทิตย์นึงเต็ม ๆ

สรุปว่า 3 ปีผ่านไป มดเลยจด ๆ จ้อง ๆ กับการเล่นสกี ขนาดคุณพ่อของคุณอ้วนประกาศกลางโต๊ะกินข้าวในวันหนึ่งว่า จะออกค่าเรียนสกีให้ มดก็ยังไม่รับปากจนแล้วจนรอด เพราะใจคิดอยู่ตลอดว่า ขนาด สกีแบบครอสคันทรี่ ที่ว่าง่าย มันยังไม่ง่ายเลย แล้วไอ้สกีที่เค้า สกีลงมากันแบบสโล๊บสูง ๆ ฉันจะต้องสังเวยก้นกับหิมะกี่รอบเนี่ย

แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึงในวันหนึ่ง ลูก ๆ ของคุณป้ามาเยี่ยมที่สวิสในปลายฤดูหนาว กิจกรรมที่ทั้งสองอยากลองคือสกีค่ะ มดก็ไปจัดแจงขอยืมอุปกรณ์และชุดให้ พร้อมทั้งพาไปทดลองในสนามฝึกสกีที่ Engelberg ปลายเขา Titlis ปรากฎว่า น้องทั้งสองคนสามารถเล่นสกีได้ภายใน 3 วัน โดยไม่มีครูหัดสอน แต่ก็ผ่านการล้มมาอย่างโชกโชน

มดก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า น้องสองคนอายุยังไม่ 20 ดี กระดูกอ่อน และ การทรงตัวดี ส่วนเรานั้นมันแก่เกินแกงแล้ว คงไม่สามารถทำได้หรอก ปล่อยให้เด็ก ๆ เค้าสนุกกันไปเหอะ

และหลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ ก็มีลูกค้าครอบครัวนึงมาพร้อมลูกสองคนอายุ 11-12 ขวบ แสดงเจตน์จำนงค์ว่า จะเล่นสกีเช่นกัน พอดีว่ายังมีหิมะอยู่ มดก็พาไปเล่นที่เดิม ปรากฎว่า ภายในเวลา 1-2 ชั่วโมง เด็กทั้งสอง สามารถพาตัวเองสกีลงมาในสโล๊บของพื้นที่หัดเล่นได้แล้ว และร่ำร้องอยากลองของที่ยากกว่านี้

มดก็ให้กำลังใจต่อไปว่า น้อง ๆ มีพื้นฐาน โรลเล่อร์เบรด และ ไอซ์สเก็ตมาแล้ว ทำให้น้องเป็นเร็วมาก อีกทั้งยังเด็กมาก ๆ เลยไม่มีความกลัว ก็เลยเป็นเร็ว ส่วนเรามันแก่แล้ว คงทำไม่ได้อย่างนี้หรอก

แล้วก็มาปีนี้ เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง ครอบครัวของลูกค้า พาลูก ๆ ทั้ง 5 คน มาเที่ยวสวิส โดยมดจัดโปรแกรมเล่นสกีให้หลายวัน เพราะคิดว่าเด็ก ๆ น่าจะชอบทำกิจกรรมมากกว่าชมเมือง ซึ่งเด็ก ๆ เรียนสกีกันเอง 3 วันโดยไม่มีครูสอน ก็สามารถเล่นสกีได้ในเส้น Beginner ครั้งนี้เองที่มดเกิดลูกฮึดว่า เอาล่ะ หลังจากที่ครอบครัวลูกค้ากลับไปแล้ว เราจะไปหัดเล่นสกีบ้าง

เพราะรู้สึกละอายแก่ใจเหลือเกิน ที่หลาย ๆ คนอยู่ไกลถึงอีกฝั่งโลก ยังบินลัดฟ้าเพื่อมาหัดเล่นสกี แต่เรานั้นอยู่ใกล้กับลานสกีเพียงแค่เอื้อม กลับจด ๆ จ้อง ๆ อยู่ได้ น่าอายจริง ๆ เคยได้ยินมาว่า ถ้าขี่จักรยานได้ ก็น่าจะเล่นสกีได้นะ มันใช้หลักการทรงตัวเหมือนกัน เราก็สิงห์ BMX ตั้งแต่เด็ก จะไปกลัวอะไร

เมื่อคิดได้ดั้งนั้น มดจึงทำการจองที่พัก ติดต่อครูสอนสกี เค้ามีให้เลือก 2 ชั่วโมง กะ 5 ชั่วโมง และให้เลือกแบบกลุ่ม หรือ ส่วนตัว ซึ่งเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว มดจึงเลือกจองแบบ ตัวต่อตัว 5 ชั่วโมง เต็ม ๆ วันไปเลย

คุณอ้วนก็แปลกใจปนทึ่งว่า คราวนี้เอาจริง ๆ แฮะ – เย็นวันศุกร์ เราจัดกระเป๋าไปนอนในเมือง Lauterbrunnen แล้วรุ่งเช้า ทั้งมดและคุณอ้วนก็ไปเช่าสกี แล้วเดินทางไปยังจุดนัดพบของโรงเรียนสอนสกีในเวลา 10.00 น. 

ski01.jpg

โฉมหน้าของครูและลูกศิษย์ – คุณครูของมดเป็นชาวอังกฤษที่พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอะแด๊บแล้ว คือฟังง่ายมาก ๆ นั่นเอง ชื่อครูพอล (Paul) เป็นคุณครูสอนสกีมานานแล้วล่ะ สิ่งที่ทำให้ใจชื้นก็คือ ครูพอลบอกว่า ครูหัดเล่นสกีตอนอายุ 30 ซึ่งปัจจุบันเล่นมาได้ 23 ปีแล้ว และลูกศิษย์ที่อายุมากที่สุดของครูอยู่ที่ 74 ปี – โอเค สู้ตาย!

ski02.jpg

ก่อนอื่นครูพอลอธิบายถึงส่วนประกอบของสกีก่อน ว่าอะไรทำให้มันเลื่อน อะไรทำให้มันหยุด ตรงไหนคม ตรงไหนทำให้คนขาหัก ฯลฯ การเรียนแบบเป็นเรื่องเป็นราวมันดีอย่างนี้นี่เอง

ski03.jpg

จากนั้นครูพอลก็ลองให้เอารองเท้าสกีใส่ลงไปในสกี เมื่อมันลงล็อคดังกึ่ก! ตัวเราและขาเราจะถูกล็อคติดอยู่กับเจ้าแผ่นบาง ๆ ที่เรียกว่าสกีนี้แหละ ครูลองให้ใส่ขาเดียวแล้วเลื่อนตัวดู เพื่อสัมผัสกับการเลื่อนของสกี

ski04.jpg

จากนั้นก็ใส่สองขา คราวนี้จะรู้สึกเหมือนว่าเราควบคุมอะไรไม่ได้ ซึ่งครูบอกว่าไม่เป็นความจริง มันแค่ความไม่เคยชินเท่านั้น เราสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยสองขา และสะโพกเรานี่แหละ แต่อย่างแรกเลยต้องเริ่มที่ใจก่อน

พื้นที่เรียบ ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเสมอกัน แต่ความจริงมันแอบลาดนิด ๆ ทำให้สกีไหลไปเอง ครูบอกว่าให้ปล่อยตัวตามสบาย มันจะหยุดเองเมื่อมันไปไม่ได้ มดก็ทำตามนั้น แล้วมันก็หยุดจริง ๆ ด้วย (มันเลื่อนมาได้ประมาณ 2 เมตรมั้ง ตื่นเต้นแทบแย่)

ski05.jpg

หลังจากลองทรงตัวอยู่บนสกีได้ ครูก็จะเริ่มเรื่องการเลื่อนลงมาจากทางลาดฝึกหัดสำหรับเด็ก และการหยุด แต่อันดับแรกต้องขึ้นไปอยู่จุดข้างบนก่อน ทางสนามฝึกมีสายพานเลื่อนไว้ให้บริการ ซึ่งมดเห็นเด็ก ๆ มันเดินขึ้นกันง่าย ๆ แต่ทำไมพอเราไปลองขึ้นบ้าง มันลื่นปรื๊ดลงมาทุกที ต้องใช้ไม้ช่วยค้ำดันอยู่นานกว่าจะพาตัวเองขึ้นไปบนสายพานได้ ส่วนครูน่ะเหรอ ขึ้นไปยืนเกาพุงรออยู่นานแล้ว

ski06.jpg

โอ๊ย .. ถึงซะที (ระหว่างที่มดกำลังพยายามอยู่นั้น ก็มี Camera man ตามประกบทุกระยะ คือไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย เก็บภาพอย่างเดียว ขนาดเห็นเราลื่นปรื้ด ปรื้ด ขึ้นไม่ได้ซักที คุณ Camera man หัวเราะนิดหน่อยแล้วบอกว่า ยูทำได้ ยูทำได้ – เชอะ  ก็เห็นอยู่ว่าทำไม่ได้)

ski07.jpg

เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนแล้ว ครูก็จะสอนการหมุนตัวเพื่อจะหันหน้าลงไปด้านล่าง แล้วเลื่อนตัวลงไป ไอ้การที่ขาทั้งสองข้างของเราอยู่บนแผ่นอะไรยาว ๆ สองแผ่นแบบนี้ จะทำอะไรมันไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย คอยแต่จะลื่นไปยังทิศทางไม่พึงประสงค์ตลอดเวลา ครูพอลสอนเคล็ดลับซึ่งควรจะรู้โดยไม่ต้องบอกว่า ให้ยืนขวางไว้ ยังไงก็ไม่ลื่น … แล้วเป็นไง สังเกตุแผ่นสกีของครูพอลดีๆ ขวางเส้นทางถูกต้อง ไม่ลื่นแน่นอน … แต่ดูของมดสิ มันเยื้องเฉียงมาประมาณ 20 องศา ทำให้ระหว่างที่ครูกำลังสอนอยู่นั้น มดก็เลื่อนชั้นไปเรียน Level สูงทันที

ski08.jpg

นั่นก็คือการสกีถอยหลัง (แบบไม่ทันตั้งตัว) แม้จะเป็นสโล้บเล็ก ๆ แต่มดรู้สึกว่ามันลื่นเร็วมาก ไม้ที่ถืออยู่ช่วยอะไรไม่ได้เลย และครูก็ช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน ครูตามมาแบบกระชั้นชิด แต่มดเร็วกว่าอยู่ขั้นนึง เจ๋งมั้ยล่ะ (ครูคงไม่รู้จะหยุดมันยังไง รอให้มันล้มดีกว่า)

ski09.jpg

สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น เป็นการล้มที่ถูกต้องคือพับเพียบสวยงาม – โชคดีของเด็กพวกนั้น ที่ไม่ได้อยู่ในเส้นทางของมด (แม่เด็กคงคิดเช่นนั้นเช่นกัน) – หลังจาก Camera man เก็บภาพเสร็จแล้ว ก็บอกว่า ยูนี่เรียนข้ามขั้นจริง ๆ นะ สกีถอยหลังเค้าเรียนกัน Level 5 ทับถมเสร็จเธอก็สกีฉากออกไป

จะว่าไปแล้ว ก็ทำให้มดได้เรียนวิธีการหยุดของการลื่นถอยหลังในทันที ครูคงคิดว่า เดี๋ยวมันต้องทำอีกแน่นอน ต้องรีบสอนกันไว้ก่อน – แต่ขอบอกว่า ล้มนั้นเป็นล้มเดียวใน 2 ชั่วโมงแรกของการเรียน หลังจากนั้นไม่มีล้มให้เสียฟอร์มสิงห์ BMX เก่าเลย ขอยกประโยชน์ให้ครูอย่างมาก ที่สอนเทคนิคต่าง ๆ ทำให้เราสามารถประคองตัวอยู่บนสกีได้ตลอดลอดฝั่ง

2 ชั่วโมงผ่านไป มดสามารถขึ้น-ลงสโล้บเด็ก ๆ ได้สบาย ๆ ครูก็เลยสอนขั้นต่อไปก็คือ การเดินขึ้นเนิน (ไม่ใช้สายพานแล้ว) มีสองวิธีคือเดินขึ้นด้านข้าง และเดินแบบนกเพนกวิน เดินด้านข้างนั้นง่าย ๆ ค่อย ๆ กระดื๊บไป เดินแบบเพนกวินมันยากมาก แต่เดินได้เร็วกว่า แต่ฝึกหลายครั้งเข้าก็เดินได้เร็วเอง

เทคนิคที่มดจะได้ยินครูคนอื่นที่สอนพวกเด็กเปี๊ยกตอนลื่นลงมาจากเนินมักตะโกนว่า “พิซซ่า” ตอนแรกไม่เข้าใจ พอถามครูพอลถึงได้รู้ว่า “พิซซ่า” ก็คือการวางเท้าให้สกีอยู่ในรูปของชิ้นพิซซ่านั้นเอง การวางเท้าแบบนี้ทำให้เหล่าผู้เริ่มเล่นอย่างเรา(และเด็กเปี้ยก) คอนโทรลความเร็ว การเลี้ยว และการหยุดได้ ในละแวกของโซนเด็กเปี้ยก จะได้ยินเสียงตะโกน พิซซ่า กันระงม มดฟังแล้วก็หิวขึ้นมาทันที

ski10.jpg

นี่ไงการวางเท้าแบบ พิซซ่า – จะหยุดจะเลี้ยว จะชลอ ขอเพียงแต่นึกถึงพิซซ่าเท่านั้น ก็สามารถบังคับได้ดั่งใจ

ski11.jpg

อีกเทคนิคนึงก็คือ การยืนท่าของ”หมี” เป็นการยืนโดยให้น้ำหนักตัวมาข้างหน้านิดหน่อย ย่อเข่านิด ๆ ไหล่ห่อ ๆ – เจ้าหมีตัวนี้มีชื่อด้วย ครูพอลบอกว่าชื่อ “จิม” เวลามดยืนเอนตัวไปข้างหลัง ครูจะตะโกนบอกว่า ”Don’t forget JIM” มดก็จะโน้มตัวมาข้างหน้าทันที เทคนิคนี้แหละที่ทำให้ไม่ล้มเลย – เหตุผลก็คือ การสกีคือการโน้มตัวไปข้างหน้า แต่มนุษย์เราเคยชินกับการเอนตัวไปข้างหลัง คนที่หัดเล่นครั้งแรกมักจะล้มบ่อยก็เพราะไม่เคยชิน คอยแต่จะหงายหลังอยู่เรื่อยไปนั่นเอง

ski12.jpg

หลังจากพักกินข้าวกลางวัน เราก็มาฝึกกันต่อที่สนามใหม่ กว้างกว่าเดิม สูงกว่าเดิม ฝึกการเบรค การเลี้ยว – แรก ๆ ก็มีขาสั่นบ้าง แต่เชื่อมั่นใจตัวครูมาก ๆ ครูให้ทำอะไรก็ทำ จนในที่สุด มดสามารถบังคับการเลี้ยวได้ดั่งใจ หยุดได้อย่างใจ และไม่ล้มเลยซักครั้งเดียว เป็นการเรียนสกีที่น่าทึ่งมาก ไม่มีการเจ็บตัวอย่างที่กลัว และภายในวันนั้นมดก็พาตัวเองลื่นลงจากเนินสูง ๆ นี้ได้ ต่อไปนี้ก็เหลือแค่ฝึกซ้อมบ่อย ๆ เท่านั้นเอง – มดมองไปที่ยอดเขาสีขาวละลานตา และลานสกีรอบตัว – หนาวหน้าเราเจอกันแน่ มดย้ำกับตัวเองในใจ

ski14.jpg

ski15.jpg

โฉมหน้า Camera man – กางแกงแดงแป๊ดเชียวนะยะ : )

ป.ล. สุดท้ายนี้ขอขอบคุณครูพอล ซึ่งเป็นครูที่ใจเย็นมาก ๆ ตลก อารมณ์ดี และมีความเป็นครูอยู่ในหัวใจ ทำให้มดปลอดภัย และหัดเล่นสกีอย่างมีความสุข ครูพอลสอนอยู่โรงเรียน Swiss Ski- and Snowboard School in Wengen เมือง Wengen นั้นเดินทางจาก Interlaken ost ประมาณ 50 นาที โดยมาทาง Lauterbrunnen

March 2008 /มีนาคม 2551
Mod-x

3 Responses to “My happy *SKI* day”

  1. เจ๊กอ Says:

    โอ้ น้องมดเราควบสกีล้ำหน้าเจ๊ไปซะแล้ว
    ขอส่งรุ่นลูกเข้าดวลน้ามดละกันนะ
    แม่มันยังปอดแหกอยู่

    5 ชม. จ่ายไปเท่าไหร่จ๊ะ

  2. Color Says:

    ช่าย ๆ …ราคาค่ะ คุณ อิฉันอยากรู้ราคา

  3. Mod-x Says:

    เรื่องราคา เดี๋ยวถามกันหลังไมค์นะคะคุณคัลเล่อร์
    แต่ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งคุณร่วงหรอกค่ะ

Leave a Reply