Dec 06

ห้องสปอร์ตยิมของโรงเรียนในเมืองเล็ก ๆ 400 หลังคาเรือนนี้ นอกจากเอาไว้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมเรียนการกีฬาและยิมนาสติกแล้ว บางครั้งก็ยังเป็นที่จัดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ หรือเป็นโรงละครขนาดย่อม ๆ นาน ๆ จัดกันซักที หรือใช้เป็นที่จัดงานสังสรรค์ประจำปีของหมู่บ้าน แต่ในคืนนี้ห้องสปอร์ตยิมถูกปรับให้เป็นห้องประชุมสภาท้องถิ่น โต๊ะขนาดยาวสองตัวตั้งชิดติดกันอยู่ด้านหน้า มีเก้าอี้ตั้งอยู่ประมาณ 5-6 ที่ ส่วนด้านตรงกันข้าม มีเก้าอี้ตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเป็นทางเดิน ทั้งสองฝั่งสามารถรองรับคนได้ประมาณหกสิบคน ในตอนที่มดไปถึงนั้นเก้าอี้ทุกเกือบตัวถูกจับจองไว้หมดแล้ว ยกเว้นสองตัวด้านหลังสุด

เราได้รับจดหมายจากที่ว่าการอำเภอของเมืองนี้ 3 สัปดาห์แรกหลังจากที่เราย้ายเข้ามาอยู่ ในจดหมายแจ้งว่าจะมีการประชุมสภาในวันอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทางการขอเชิญให้เราเข้าร่วมประชุมด้วย เป็นวาระของงบประมาณในปี 2008 และวาระเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ และลงท้ายจดหมายว่าสำหรับท่านผู้ซึ่งเป็นสมาชิกบ้านรายใหม่ เรามี welcome drink ไว้ต้อนรับด้วย

สายตาเกือบทุกคู่มองมาขณะที่เราเดินไปหาที่นั่ง ซึ่งมดคิดว่าในความอยากรู้อยากเห็นที่ส่งมานั้น น่าจะมาจากหน้าตาของมดเป็นหลัก หลายคนอาจคิดว่า “เจแปนนิสคนนี้มาทำอะไรที่สภาของเราวะ?” ก่อนที่เราจะนั่งท่านประธานสภาก็เดินมาทักทายและพูดชื่อของเราถูกต้องจนน่าแปลกใจว่า หรือมีแค่เราเท่านั้นที่ย้ายมาอยู่ใหม่ในเมืองนี้ แต่มารู้ภายหลังว่ามีกว่า 50 ครอบครัวในปีนี้ที่เพิ่งย้ายเข้ามา ท่านประธานสร้างความประทับใจ และทำให้เรารู้สึกไม่แปลกแยกได้ดีทีเดียว

ก่อนเริ่มประชุม มีการแจ้งว่าใครบ้างที่ไม่สามารถออกเสียงได้ในที่นี้ ซึ่งมีอยู่ 3 คนคือ มดเอง น้องสาวคนนึงที่นั่งเยื้องอยู่ข้างหน้าไม่น่าเชือว่าน้องอายุยังไม่ถึง 18 และผู้ชายที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เขาเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในสภาแต่พักอยู่ที่อื่น โดยสรุปมีผู้ลงคะแนนเสียงได้ทั้งหมด 66 คน การลงคะแนนจะเป็นการยกมือและนับจำนวนเอา วาระแรกเริ่มต้นขึ้น มดก็ได้ชมการเมืองท้องถิ่นที่เข้มข้นทันที โดยมีคุณอ้วนเป็น sub title

วาระแรกคืองบประมาณและภาษีของปีหน้า สภาท้องถิ่นมีสิทธิปรับเพิ่มหรือลดการจัดเก็บภาษีของลูกบ้านได้ (ระบบภาษีในสวิสซับซ้อนซ่อนเงื่อนมาก) โดยภาษีที่ว่าก็ไม่ได้ไปไหน นำมาใช้สำหรับหมู่บ้านของเรานั่นแล ท่านประธานได้ประเมินว่า ปีหน้าจะจัดเก็บภาษีได้เท่าไหร่ และจะแบ่งไปใช้ในส่วนใดบ้าง โดยท่านได้รายงานผ่านโปรแกรม Power point ยิงขึ้นสู่โปรเจ็คเตอร์ ทำให้ทุกคนมองเห็นตัวเลขได้ถนัดชัดเจน เอ๊ะ และเจ๊ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มด จดอะไรอยู่ยิก ๆ เลยก็ไม่รู้

เมื่อท่านประธานพูดจบ เจ๊คนที่นั่งข้าง ๆ มด ก็ยกมือทันที – คุณเจ๊มีบุคลิคที่ฉายชัดว่าจะต้องเป็นตัวโกงของเรื่องแน่นอน เธอแจ้งว่ามีข้อข้องใจมากมายเกี่ยวกับงบประมาณและการจัดแบ่ง คุณเจ๊ก้มลงอ่านบันทึกที่ตัวเองจดและยิงคำถามอีกหลายข้อ เป็นต้นว่า ทำไมงบประมาณสำหรับการบำรุง(อะไรซักอย่าง) ทำไมสูงผิดปกติ ก็มีฝ่ายดูแลเรื่องนี้ลุกขึ้นยืนตอบ อธิบายไปว่าต้องซื้อรถดับเพลิงใหม่ อะไรก็ว่าไป บลา ๆ สรุปว่าคุณเจ๊ยิงคำถามไปหลายชุด และทางสภาก็มีผู้ลุกขึ้นมาชี้แจงจนกระจ่าง - ไม่รู้ว่ากระจ่างใจคุณเจ๊หรือไม่ แต่คุณอ้วนของมดบอกว่าโปร่งใสดี

มีหลายคนลุกขึ้นสอบถามประปราย ซึ่งแต่ละคนก็ทำการบ้านมาอย่างดี มีการอ้างอิงถึงข้อมูลปีที่แล้ว เปรียบเทียบกับปีนี้ พูดถึงความต่างและความเป็นไปได้ที่จะปรับลดงบประมาณบางส่วน หรือเพิ่มบางส่วน ทำให้มดรู้สึกว่านี่เป็นการมีส่วนร่วมของผู้ที่อยู่อาศัยกับรัฐอันเป็นผู้ปกครองอย่างที่ควรจะเป็น มันคือระบบประชาธิปไตย ที่มีประชาชนเป็นผู้ตรวจสอบชัด ๆ !!

วาระแรกที่จะโหวดกันก็คือ จะปรับลดภาษีหรือไม่ โดยสภาแจ้งมาว่าจากภาษีที่เก็บได้ก็ไม่ค่อยจะพออยู่แล้ว ถ้าลดก็จะแย่ลงไปอีก ฝั่งลูกบ้านมีอยู่ 2 รายซึ่งหนึ่งในนั้นคือคุณเจ๊คนโปรดของมด ลุกขึ้นคัดค้านหัวชนฝาด้วยเหตุผลที่ว่า “ถ้าเราให้เงินท่านไปมาก ท่านก็ใช้มาก ให้น้อยก็ ใช้น้อย แล้วทำไมเราต้องให้มาก” คือว่าเป็นเหตุผลที่มดรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ส่วนคุณลุงอีกคนบอกว่า “เราควรจะลดภาษีให้น้อย คนจะได้เข้ามาอยู่หมู่บ้านเรามาก ๆ แล้วก็จะได้ภาษีมากไปเอง” อืม ฟังดูเข้าท่า แต่สรุปแล้วจากการโหวด มีผู้อยากให้ลดภาษี 3 คน นอกนั้นบอกว่าคงภาษีไว้เท่าเดิม 

เป็นความประทับใจของมดโดยแท้จริง เพราะถ้าสมมติว่ามีคนมาถามมดว่าคุณอยากให้ลดภาษีรึเปล่า  มดคงตอบแบบไม่คิดว่า ลดสิหรือไม่เสียได้ยิ่งดี เพราะมดเป็นคนต้องเสียภาษีนี่ ตอนอยู่เมืองไทยก็แอบหลบ ๆ เลี่ยง ๆ อยู่บ่อยครั้ง ขนาดท่านผู้นำยังมีฝ่าเสนาฯคอยจัดการเรื่องเลี่ยงภาษีให้เลย แต่ที่นี่มันไม่เหมือนกัน ภาษีที่เสียไป ก็ไปอยู่ที่เสาไฟ ถนนหนทาง ระบบจัดเก็บน้ำ เขื่อนขนาดย่อม ฯลฯ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงเรื่องคอรัปชั่น เพราะมีพวกเรากันเองก็คอยตรวจสอบอย่างดีอยู่แล้ว ผลโหวดจึงเป็นเอกฉันท์นั้นแล

หลังจากหมดวาระแล้ว มีการประกาศว่าขอต้อนรับ 2 หนุ่มที่เพิ่งจะอายุ 18 ปีเต็มในปีนี้ และมีสิทธิโหวดไปเรียบร้อย ซึ่งสองหนุ่มออกไปรับเอกสารทางราชการกับท่านประธาน ผู้คนปรบมือเกรียว  2 หนุ่มเขินเล็กน้อย แต่คุณพ่อที่มาด้วยดูเหมือนจะภูมิใจ – นี่เป็นอีกเรื่องที่มดประทับใจ การปลูกฝังการเมืองให้กับเยาวชน น่าจะเป็นคำตอบของความเข้มแข็งของชุมชมในวันข้างหน้า และนี่อาจจะเป็นภาพในฝันของการเมืองบ้านเรา – มดก็อยากจะให้ฝันเป็นจริงนะ แต่ไม่รู้จะได้รึเปล่า ?

One Response to “การเมืองท้องถิ่น”

  1. คุณแม่ Says:

    มันคงเป็นภาพในฝันต่อไปอีกนาน…ละคุณมด เพราะช่วงไม่ถึงสิบปีที่ผ่านมาพี่ว่าเยาวชนไทยถูกมอมเมาด้วยสิ่งที่เขาเรียกว่าวัตถุนิยม เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่เป็นตัวอย่างที่ดี หันไปให้ความสำคัญกับเงินมากกว่าคุณธรรม จริยธรรม ยิ่งนักการเมืองที่ทำเป็นเหมือนมีอุดมการณ์ก่อนหน้านี้ ครั้นเลือกตั้งเสร็จจุดยืนและตัวตนที่แท้จริงก็ปรากฏ ในลาภยศที่ปราถนา ท้ายสุดประชาชนและประเทศชาติก็รับกรรมไปตามระเบียบ เห็นทีตอนนี้ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้คนที่หวังดีต่อบ้านเมืองอย่าท้อถอยถอดใจไปเสียก่อน..สู้เว๊ย..

Leave a Reply