Jul 23

ถ้าหากเราสามารถรู้วันที่เราจะจบชีวิตจะได้ เราจะเลือกที่จะรู้หรือไม่รู้ดี 94% ของคนทั่วไปบอกว่าไม่ แต่ตัวละครในหนังเมื่อวานบอกว่า เขาขอเป็นหนึ่งใน 6% ที่จะเลือกรู้เพื่อจะได้จัดการกับตัวเองได้ถูก แต่เมื่อวันที่ได้รับข่าวจากหมอว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 6 เดือนหรือไม่เกินหนึ่งปี เขากลับรู้สึกไม่แน่ใจว่า การเลือกที่จะรู้ของเขานั้นมันถูกต้องจริงรึเปล่า แต่ยังไงก็แล้วแต่ เขาและเพื่อนก็ได้ร่วมกันเขียน The Bucket list ขึ้นมา มันเป็นรายการที่อยากจะทำก่อนตาย นึกอะไรได้ก็เขียนไป แล้วนี่ก็เป็นชื่อหนังเรื่องเมื่อวานที่มดได้ดู – มดเองแม้จะยังไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน แต่ก็เข้าข้างตัวเองเอาไว้แล้วว่าน่าจะได้แก่ก่อนตาย ก็เลยไม่ค่อยอินกับ The Bucket list เท่าไหร่ คิดผลัดไปก่อนเหมือนกับว่า – เอาน่า ยังไม่ตายวันพรุ่งนี้ซักหน่อย

แต่จริง ๆ แล้วโอกาสที่จะได้แก่ก่อนตายมันมีมากน้อยแค่ไหนกันเชียว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าสมัยนี้มีโรคใหม่ ๆ สาระพัดชนิดให้มนุษย์ได้ทดลอง แล้วยังจิตใจของมนุษย์ที่วิปริตขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้วันดีคืนดี อาจจะเป็นเราก็ได้ที่ไปสะดุดตีนสะดุดตาคนพวกนั้น มีอะไรมารับประกันเหรอว่ามดจะได้แก่ตาย – นั่นสิ – ถ้าอย่างนั้นมาลองทำ The Bucket list บ้างดีกว่า พอตายไปเวลาใครถามจะได้พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ได้หาโอกาสทำอะไรที่อยากทำไปบ้างแล้วเหมือนกัน

ในหนังตัวเอกสองคนอายุก็เฉียดเจ็ดสิบ (แสดงโดยมอร์แกน ฟรีแมน และ แจ็ค นิโคลสัน) ต่างพากันไปทำเรื่องซ่า ๆ เซี้ยว ๆ ที่เคยอยากทำแต่ไม่กล้าทำ ภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนทั้งสองคนเปรี้ยวไปทั่ว เช่นไปสักหน้าตัวเองที่ต้นแขน ขับรถรุ่นโก๋แข่งกันในสนาม กระโดดร่ม ขี่มอร์เตอร์ไซด์บนกำแพงเมืองจีน ไปปีนภูเขาหิมาลัย ฯ นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่ารัก ๆ ในลิสท์ด้วยเช่น Laugh til cry หรือ kiss the most beautiful girl in the world คือพอนึกอะไรได้ก็เขียนกันลงไป แล้วก็พยายามทำให้มันเป็นจริงให้ได้

พอมดจะนึกว่าใน The Bucket List ของมดเนี่ยมันควรจะมีอะไรบ้าง กลับนึกไม่ค่อยออก มดอยากทำอะไรบ้างก่อนตาย ?
1. จักรยานทริปซัก 1 เดือนที่ไหนก็ได้
2. ดำน้ำลึก
3. ตามหาผู้ชายคนนั้นซึ่งเป็นรักครั้งแรกให้พบ (มันเกิดขึ้นเมื่อตอนม.1 กับพี่ ม.6 คนนั้น แล้วเราก็จากกันด้วยน้ำตา)
4. อยากไปเที่ยวเมืองจีน อินเดีย เนปาล อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ ญี่ปุ่น
5. ลงเรียนคอร์สเกี่ยวกับงานไม้ พวกเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ ๆ อยากต่อตู้ โต๊ะ ได้เอง
6. นอนอยู่เฉย ๆ ซักเดือนที่กระท่อมริมทะเล กิน ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือ วาดรูป ฯ
7. มีห้องหนังสือเป็นของตัวเอง ผนังห้องทุกด้านเป็นชั้นหนังสือตั้งแต่พื้นจรดเพดาน

เนี่ย 7 ข้อนี้ใช้เวลานานมาก ๆ กว่าจะคิดได้ เค้นแล้วเค้นอีกก็นึกอะไรไม่ออกอีกแล้ว ไม่ได้อยากทำอะไรที่โลดโผนโจนทะยานมากอย่างในหนัง จริง ๆ จะว่าไปแล้วถ้าถูกรถชนตายในวันพรุ่งนี้ พอตายไปแล้วมีคน(?)ถามว่า ยังอยากกลับไปทำอะไรอีกมั้ย มดก็ไม่ขอกลับมาเที่ยวเมืองจีนก่อนหรอกนะ คงบอกไปว่าไม่เป็นไร ตายแล้วก็แล้วกัน ชีวิตที่ผ่านมาก็พยายามเลือกทำแต่สิ่งที่อยากทำทั้งนั้น จะว่าคุ้มก็คุ้มแล้วล่ะ

บางคนบอกว่า ให้ใช้ชีวิตเหมือนกับว่าทุก ๆ วันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต บางคนบอกว่า ให้คิดซะว่าทุกวันเป็นวันอาทิตย์ มดไม่ค่อยมีความคิดอะไรเก๋ ๆ แบบนั้นหรอก มดก็ใช้ชีวิตของมดไปเรื่อย ๆ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่พยายามรักษาสมดุลให้สุขมากกว่าทุกข์ก็พอ

Mod-x

4 Responses to “the Bucket list”

  1. เจ๊กอ Says:

    อยากไปช่วยมดตามหาแฟนคนแรกจัง : )

    คงเลือกไม่ขอรู้วันตาย ไม่ชอบรู้อะไรล่วงหน้า
    เพราะมันจะหมดสนุกกับปัจจุบันเนอะ
    แต่กำลังเริ่มฉุกคิดว่า ต้องเริ่มจริงจัง(ให้มากขึ้น)
    ไม่ไร้สาระกับชีวิตมากละนะ
    เพราะเวลาในชีวิตมันเหลือน้อยลงทุกๆวัน

  2. กะ-หนก Says:

    ถ้าได้ตั้งใจทำทุกอย่างที่อยากทำ (และควรทำ) โดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง และได้ใช้ชีวิตทุก ๆ วันอย่างเต็มที่
    โดยเฉพาะแบบที่มดเป็น เราว่าก็จะนึกรายการก่อนตายนี้ไม่ค่อยออกหรอก เพราะส่วนใหญ่ก็คงได้ทำไปจนหมดแล้ว
    ถ้าต้องตายวันนี้พรุ่งนี้ ก็คงไม่เสียดายคิดอยากทำอะไรอีกหรอก

    …ขอให้ไอ้ list นี่ มีจำนวนน้อยลง ๆ ทุกวันนะ ^_^

  3. แม่พลอย Says:

    อืม! ของที่มดอยากทำเนี่ยะ ถึก ๆ ทั้งนั้นเลยนะ

  4. หนุ่ย Says:

    “Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” (ยืมเค้ามา)

Leave a Reply