May 29

“ตั้งแต่จำความได้ ผมไม่เคยทำอะไรคนเดียวเลย – สงสัยจริง ๆ ว่าคนที่มาเที่ยวคนเดียวเนี่ย เค้าคิดอะไรกันอยู่ มันจะไปสนุกได้ยังไงเที่ยวคนเดียว!” ผู้ชายคนนั้นพูด พลางพยักเพยิดให้ภรรยามองตามไปทาง เด็กหนุ่มชาวอาทิตย์อุทัยที่กำลังเดินมาตักอาหาร

“ก็ลองถามคุณมดเค้าดูสิ” คุณภรรยากลับพยักหน้ามาทางมดแทน
“อ้าว คุณมดก็ชอบเที่ยวคนเดียวเหรอ” ผู้ชายคนนั้นเลิกสนใจเด็กหนุ่มญี่ปุ่น แต่หันมาสนใจมดแทน

มดไม่เคยถามตัวเองจริง ๆ จัง ๆ ว่าชอบหรือไม่ รู้แต่ว่า รู้สึกผ่อนคลายเวลาได้ไปไหนมาไหนคนเดียว ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นมาได้สักพัก ตั้งแต่มดต้องระเห็ดระเหร่อนเร่มาอยู่ที่สวิสนี่แหละ

ก่อนหน้านั้นมดก็ตัวติดเป็นตังเมกับพี่จุ๋ย ขนาดว่าเรียนคนล่ะห้องกัน ยังทำตัวติดกันได้ จนเลยเถิดถึงขั้นว่าเรียนกันคนละสถาบันตอนปริญญาตรี ก็ยังหอบหิ้วตำราไปนั่งเรียนกับพี่จุ๋ยได้อีกเหมือนกัน การที่เรามีคนที่รักและเข้าใจกันขนาดที่ว่า ไม่จำเป็นต้องพูดก็รู้ไปถึงความนึกคิดได้เนี่ย มดว่ามันคือของขวัญจากสวรรค์เลยนะ แล้วก็คิดว่าของขวัญชิ้นนี้มันมีอยู่ชิ้นเดียวในโลก ต่อให้เป็นคู่ผัวตัวเมีย ก็มาแทนกันไม่ได้ พี่จุ๋ยคือของขวัญชิ้นนั้น

วันที่มดเริ่มออกเดินทางเที่ยวคนเดียวนั้น เป็นช่วงเวลาที่จิตใจบอบช้ำ และอยากจะเดินทางออกไปจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว ไม่ได้คิดอะไรไปไกลเกินกว่าอยากหนีไปให้พ้น ๆ และด้วยระยะเวลาที่จะไปนานขนาดนั้นอีกทั้งปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย มดเลยหอบของขวัญของมดไปด้วยไมได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นแรกที่ทำให้มดเริ่มทำอะไร ๆ คนเดียว

ตลอดการเดินทาง 2 เดือนนั้น ทำให้มดได้รู้ว่า มนุษย์อยู่คนเดียวไม่ได้ และมนุษย์ก็อยู่คนเดียวได้ ไม่ใช่ว่ามดอยากจะเล่นลิ้น แต่มันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ มดเรียนรู้ว่า การเดินทางคนเดียวทำให้เราดึงศักยภาพของตัวเองมาใช้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และก็สยบคำว่า “กลัว” ให้มันอยู่ใต้อุ้งตีนได้ง่าย ๆ หลายวิธี อีกทั้งก็ทำให้มดรู้ว่าคนมีหลากหลายประเภท มากจนเราจินตนาการไม่หมด มันทำให้มดมั่นใจว่า มดเข้มแข็งพอที่จะอยู่คนเดียว และไม่ต้องโหยหาใครให้มาเติมเต็มชีวิต

แต่มดก็ไม่เชื่อว่ามนุษย์อยู่คนเดียวได้ หลังเดินทางไปทั่ว 3 ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง คนที่เจอระหว่างทาง ทั้งมิตรภาพและศัตรู ก็ทำให้มดมีแรงที่จะเดินทางต่อทั้งที่เริ่มจะถอดใจตั้งแต่ 3 วันแรก มิตรภาพระยะสั้นทำให้เราอิ่มเอิบและอบอุ่น และพาลน้ำตาจะไหลเมื่อนึกถึงเพื่อนที่กำลังนั่งรอฟังข่าวเราอยู่ที่บ้าน ศัตรูที่ทำร้ายเราก็ทำให้เราได้มองโลกเป็นสีจริง คนชั่วทำให้เราเจ็บแต่คนดีก็หยิบยื่นความรักให้โดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทน

มันก็มีบ้างในตอนแรกที่ได้เห็นท้องฟ้าช่วงกำลังเปลี่ยนสี หรือน้ำทะเลสีทองสะท้อนแดดระยับ ภูเขาที่ทอดตัวสลับซับซ้อนหยอกล้อกับหมอกในตอนเช้า ตอนล่องเรือในแม่น้ำโขงยามเย็น แล้วไม่รู้จะหันหน้าไปเอาอารมณ์ดี ๆ ไปแชร์กับใคร ก้อนความเหงามันก็กระแทกเป็นระลอก ๆ แล้วก็ผลัดกันทำงานกับก้อนความคิดถึงเป็นระยะ ๆ

แต่พอเรารับมือกับมันได้นานพอ ความเหงาและความคิดถึงมันก็หาทางออกของมันได้เอง โดยที่เราไม่ทรมาน ก็เหมือนกับนักบอลที่ฝึกซ้อมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไอ้การจะเตะลูกโค้งเฉียดขอบประตูมันก็ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์

ถึงตอนนี้ถ้าใครมาถามมดว่า ยังอยากไปไหนอยู่คนเดียวหรือไม่ คำตอบคือ ยังคนเดินทางและไปไหนมาไหนอยู่เดียวเป็นประจำ เพราะสบายใจ แต่ก็ยังไปไหนมาไหนกับคนที่รักอยู่บ้าง เพราะบางทีความเหงาและความคิดถึงก็ทำงานล่วงเวลา

Mod-x

3 Responses to “คนเดียว”

  1. ฮิบโป้ Says:

    ตั้งกะติดตามอ่านมา ว่าอันนี้เด็ดใจสุดๆ มันมีชีวิตดี

    ด้วยฮัก!

  2. Color Says:

    ^_^

  3. โดดเดี่ยว Says:

    บางช่วงเวลาผมก้อเป็นครับ..อยากอยู่คนเดียว บางทีถึงกับเบื่อและอึดอัด หากว่าจะมีเพื่อนพี่น้องมาเซ้าซี้คอยถามโน่นถามนี่..(ณ.ตอนนั้นอยากตะโกนไล่ให้ไปไกลๆ)
    แต่เมื่ออยู่กับเวลานั้นนานเกินไป..ผมก็ถึงขั้นโหยหา(เกินไปป่าว?) บางครั้งแค่ใครสักคน เพียงโทรมาทักทายก็ดีใจมากมายแล้ว

    ..บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า เราชอบอยู่ตัวคนเดียว หรือยังต้องการใครสักคนหรือหลายคน อยู่ไปกับเรา..ด้วยกัน

Leave a Reply